Actions

Work Header

Connect

Summary:

After the fight with Flag Smasher, James 'Bucky' Barnes wants to do something with John Walker. Bucky sees John as similar to himself, the ruined man. So he decides to help John Walker on his way by stepping into John's life. But it's not easy to understand John. And it's not easy to understand the feeling that is growing.

Notes:

This series will go through 3 parts; Connect, Disconnect, and Reconnect. Since The Falcon and the Winter Soldier to Thunderbolts, and the New Avengers.

Chapter Text

 

 

Title: Connect

Pairing: Bucky Barnes l Winter Soldier and John F. Walker l U.S. Agent

Movies: The Falcon and the Winter Soldier (2021), Thunderbolts (2025)

 

 

 

"นายดูดีนี่ วอล์คเกอร์"

 

เจมส์ ‘บัคกี้’ บาร์นส์ จ่าทหารแห่งกองทัพสหรัฐ อดีตวินเทอร์โซลเจอร์ เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่มักจะสอดส่องโดยรอบอย่างระแวดระวังเปล่งเสียงกล่าวขึ้นเสมือนว่านั่นเป็นคำทักทายที่หาได้ต่างจากคำว่า 'Hello'

 

เขาหยุดยืนอยู่ห่างจากชายร่างสูงกำยำที่มองจากเบื้องหลังก็สามารถทราบได้ว่าบุรุษผู้นี้แบกรับเรื่องราวอันหนักอึ้งมามากมายเพียงใด ชายผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยถือโล่ของเพื่อนสนิทตน ชายผู้ที่เขาทำตัวไม่ดีใส่ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า เขายึดติดกับสิ่งที่เพื่อนชายหลงเหลือทิ้งไว้เพียงของดูต่างหน้า บัคกี้ไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเขาในตอนนั้นกำลังสับสนและหาที่ระบายลงกับใครสักคน

 

เขาเพิ่งสูญเสียเพื่อนคนสำคัญไปไม่นาน

 

เรือนผมสีบลอนด์ทอง นัยน์ตาสีฟ้า ชุดธงชาติอเมริกา สัญลักษณ์ที่เคยบ่งบอกถึงวีรบุรุษของประเทศอย่าง ‘สตีฟ โรเจอร์ส’ เขาเคยเป็นทั้งหมดเหล่านั้นแต่กลับมีใครบางคนที่คล้ายคลึงกันเข้ามาแทนที่ ที่ซึ่งเคยเป็นของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของบัคกี้ ผู้ที่มองเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งแม้จะถูกคนทั้งโลกมองว่าเป็นอาชญากร

 

บัคกี้โกรธเขาคนนั้น เขาโกรธ ‘จอห์น วอล์คเกอร์’ ทั้งที่ตนไม่ได้รู้จักจอห์น ทั้งที่จอห์นยังไม่ได้กระทำสิ่งใดผิดเพี้ยน จอห์นเป็นเพียงนายทหารยศผู้กองที่พยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศชาติและพลเรือน จอห์นเป็นเพียงนายทหารคนหนึ่งที่ถูกรัฐบาลคัดเลือกและจับมาฝึกฝนเพื่อขึ้นมาทำหน้าที่รับใช้พวกเขา โดยใช้เพียงพละกำลังของมนุษย์ธรรมดา

 

"บาร์นส์?"

 

อดีตกัปตันอเมริกาคนที่สองเปล่งเสียงตอบด้วยความประหลาดใจเมื่อหันใบหน้าที่เริ่มมีหนวดเคราหนากลับมาเจอร่างของคนคุ้นเคย ‘เจมส์ ‘บูคานาน’ บาร์นส์ ‘ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นในชุดลำลองสีเข้ม ผมที่เคยตัดสั้นตอนนี้ดูยาวขึ้นหากเทียบจากครั้งสุดท้ายที่พบหน้า การที่จ่าทหารผู้นี้เดินทางมาหาเขามิใช่เรื่องบังเอิญ เรื่องนั้นแสนชัดเจน

 

"......."

 

แต่คำทักทายแสนสั้นของพวกเขากลับจบลงหลงเหลือเพียงความเงียบงัน เกิดเป็นบรรยากาศที่ชวนกระอักกระอ่วนขึ้นชั่วอึดใจ ดวงตาคู่สวยของเจมส์ บาร์นส์หลุบลงมองทางอื่นขณะก้าวเท้าเดินเข้าหาชายร่างสูงกว่า ผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีทอง

 

บัคกี้ไม่ได้คิดบทสนทนาอื่นใดเป็นพิเศษ สิ่งที่คิดก่อนหน้านี้คือเรื่องที่ว่าตนต้องมาพบหน้าวอล์คเกอร์ให้ได้ แต่หลังจากนั้นเป็นความยากในการพูดเชิญชวนหรือกระทำสิ่งใดเป็นพิเศษ

 

"นายอยากไปหาอะไรกินด้วยกันไหม?"

 

กลับกลายเป็นวอล์คเกอร์ที่กล่าวเชื้อเชิญ เขาคาดเดาเอาเองว่าบัคกี้ บาร์นส์คงมีสิ่งที่ต้องการสนทนาแต่อาจใช้เวลาสักเล็กน้อยในการเผยแสดงออกมา

 

ตั้งแต่จบเรื่องของ ‘แฟลก สแมชเชอร์’ พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอย่างส่วนตัวเป็นพิเศษ แม้จะมีเบอร์ติดต่อแต่นั่นไว้ใช้สำหรับยามจำเป็น

 

ภายใต้รอยยิ้มของจอห์น วอล์คเกอร์ช่างแสนขัดกับแววตาที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้อย่างอดกลั้นเสียเหลือเกิน บัคกี้คุ้นเคยรอยยิ้มเหล่านั้นเป็นอย่างดี นั่นเพราะตัวเขามักกระทำอยู่เสมอ การยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเอง การยิ้มเสแสร้งเพื่อแสดงออกว่าตนนั้นสบายดี

 

"จอห์น... ฉันมีเรื่องต้องพูดกับนายดังนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อม"

 

เจ้าของชื่อหยุดยืน ลมหายใจถูกพ่นออกมาแผ่วเบาพร้อมกับการหันตัวกลับมาหาคนใจร้อนที่ต้องการกล่าวบางสิ่งบางอย่าง จอห์นไม่อาจทราบได้เลยว่าบัคกี้ต้องการสิ่งใด แต่ลึกๆ ภายในใจเขาหวังว่าชายตรงหน้าจะไม่ซ้ำเติมเรื่องเก่าๆ อีก

 

ภายใต้ใบหน้าที่พยายามไม่แสดงอารมณ์ของบัคกี้ หารู้ไม่ว่าภายในใจนั้นเขาต้องการส่งเสียงตะโกนออกมาดังๆ มันไม่ควรเป็นเรื่องยากในการจะพูดคำคำนี้ เขาคงห่างหายไปนาน.. และแล้วเจ้าก้อนลมหายใจที่พยายามกลั้นไว้ก็ถูกปล่อยออกมาเป็นอิสระ

 

"ฉันขอโทษที่หักแขนนาย..."

 

"เรื่องนั้น—"

 

"ฉันยังพูดไม่จบ" เขากล่าวต่อพลางกระแอ่มไอแต่สายตากลับเหลือบมองไปทางอื่น นายทหารผู้นี้มีสิ่งที่ต้องการบอกกล่าวมากกว่านั้น เขาไม่ต้องการให้ใครขัดความไหลลื่นที่กำลังพรั่งพรูหลังจากนี้ และแล้วดวงตาคู่สีฟ้าก็เลื่อนกลับมาบรรจบกับอีกฝ่าย พยายามไม่หลบเลี่ยงเพื่อให้วอล์คเกอร์เห็นถึงความจริงใจ เพราะสิ่งที่เขาต้องการกล่าวถึงจริงๆ คือประโยคหลังจากนี้ "รวมถึงเรื่องที่ฉันโทษนายในสิ่งที่นายไม่ได้ทำ"

 

จอห์นนิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง คำขอโทษที่ถูกมอบให้อย่างไม่คาดคิด นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาต้องการจากบัคกี้ บาร์นส์ เพื่อนสนิทของสตีฟ โรเจอร์ส คู่หูคนสำคัญของกัปตันอเมริกา เขาอาจจะแค่ต้องการการยอมรับจากผู้ที่ตนมองเป็นแบบอย่าง ผู้ที่เปรียบเสมือนฮีโร่ของประเทศ

 

"ขอบใจที่บอกกับฉัน"

 

"และฉันเสียใจกับเรื่องเพื่อนสนิทของนายด้วย" บัคกี้กล่าวเสริมทันควัน เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาต้องการบอกออกไปดังๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำ 'เลอมาร์ ฮอสกินส์' หรือ 'แบทเทิลสตาร์' ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาเลือกปกป้องจอห์นก่อนตัวเอง

 

"นายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ บัคกี้ ฉันเข้าใจแล้ว..."

 

"ฉันรู้ว่ามันยากในการต้องก้าวข้ามความเจ็บปวด ตอนนี้นายมีหลายเรื่องมากเกินไปวอล์คเกอร์"

 

บัคกี้ไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ แต่เขามองเห็นภาพชายคนหนึ่งกำลังพังทลายลงอย่างช้าๆ สิ่งที่จอห์น วอล์คเกอร์ต้องแบกรับหลังถูกปลดจากตำแหน่งกัปตันอเมริกานั้นเรียกได้ว่าสาหัส ทั้งที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนสนิทที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา กลับยังถูกสภาปลดแม้กระทั่งตำแหน่งของกองทัพ ถูกยกเลิกเงินบำนาญ มีเพียงเสียงก่นด่าจากผู้คน ภาพซึ่งไม่น่าอภิรมณ์เมื่อครั้งที่พลาดพลั้งยังคงถูกถ่ายทอดออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความผิดขณะที่สวมชุดกัปตันอเมริกาพร้อมด้วยโล่ไวเบรเนียม แม้เขาจะไม่ทราบว่าในสมรภูมิรบก่อนที่จะมาอยู่ตรงจุดนี้จอห์น วอล์คเกอร์ได้พานพบสิ่งใดมาบ้าง แต่เขาสามารถยืนยันได้เลยว่ามันล้วนมีแต่สิ่งที่ไม่น่าจดจำตราบใดที่อยู่ในสนามรบ เรื่องนั้นเขาเข้าใจเป็นอย่างดี

 

"บัคกี้ นายฟังฉันนะ ฉันสบายดี"

 

ประโยคที่ค่อยๆ พรั่งพรูออกมาจากปากของอดีตวินเทอร์โซลเจอร์ทำให้นายทหารยศผู้กองเปลี่ยนจากการพร้อมโต้ตอบเป็นการตั้งรับ เขาเข้าใจในสิ่งที่บัคกี้พยายามเอ่ย เขาทราบว่าคนตรงหน้านี้มีประสบการณ์ความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับมากมายเพียงใด แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าคือประโยคสารภาพที่กล่าวต่อมา

 

"ฉันเห็นตัวเองตอนที่มองนาย จอห์น.. ฉันไม่ต้องการให้นายพังทลายไปเหมือนที่ฉันเคยเป็น"

 

"..."

 

เจ้าของเรือนผมสีทองกลืนคำพูดทั้งหมดกลับลงคอ เฝ้ามองบุรุษตรงหน้าที่คล้ายจะแสดงความเปราะบางออกมาให้เขาได้เห็น จอห์นเริ่มไม่แน่ใจนักว่าประโยคคำพูดของบัคกี้นั้นแฝงด้วยคำขออื่นหรือไม่ นี่อาจเป็นคำร้องขอบางสิ่ง ใช่ว่าการพบเจอกับจ่าบาร์นส์ในก่อนหน้านี้จะเป็นสถานที่ดีๆ เพราะครั้งแรกที่เจอหน้า พวกเขาเจอกันบนสมรภูมิรบเคลื่อนที่ และต่อมาคือครั้งที่เจมส์ บาร์นส์ถูกส่งเข้าคุกบัลติมอร์ สถานที่ที่จอห์นสามารถทราบสถานการณ์ของบัคกี้ได้ในทันที เมื่อจอห์นได้หวนกลับมาพบกับ 'ดร.คริสติน่า เรย์นอร์' แพทย์หญิงนักจิตบำบัดอดีตเพื่อนร่วมทีม

 

"...ให้ตาย.. ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี"

 

วอล์คเกอร์สบถออกมาให้กับสถานการณ์ตรงหน้านี้ ใจหนึ่งกำลังรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่บัคกี้ บาร์นส์เปิดใจ อีกใจหนึ่งกลับคิดไม่ตกว่าคนอย่างตนจะเปิดใจให้ใครมาช่วยหรือไม่ ที่น่าตลกคือสิ่งที่บัคกี้บอกออกมานั้นไม่ผิดเพี้ยนแต่มันยากที่จะยอมรับ

 

"นายลืมมันไปเถอะ ยังไงซะเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ธุระของฉันตั้งแต่ต้น..."

 

"เอาสิ.." จอห์นตอบกลับขึ้นทันควันเมื่อนายทหารยศจ่าแสดงทีท่าจะละจากกันตรงนััน "ถ้าหากนายอยากช่วยฉัน ฉันก็จะยอมให้นายช่วย"

 

"..."

 

"ฉันก็ไม่ได้หัวดื้อขนาดที่ไม่ยอมฟังใครสักหน่อย" จอห์น วอล์คเกอร์เป็นถึงนายทหารมีชื่อเสียง อีกทั้งได้เหรียญตราแสดงเกียรติยศถึงสามเหรียญซึ่งไม่เคยมีมาเลยในประวัติศาสตร์ เป็นถึงทหารผู้ช่วยเหลือตัวประกัน สิ่งที่จะทำให้เขาแสดงออกอย่างแน่วแน่จนอาจกลายเป็นความแข็งกร้าวจนแทบไม่ฟังใครอื่น เห็นจะมีก็แต่ช่วงเวลาคับขันหาทางออกเท่านั้น

 

การที่มีใครสักคนตอนนี้คงเป็นเรื่องที่ดี จอห์นไม่อาจเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปลงกับ 'โอลิเวีย วอล์คเกอร์' ผู้เป็นภรรยาและเพื่อนสนิทได้ เขาเคยมีเลอมาร์ แต่ตอนนี้ไม่มีเขาคนนั้นอีกต่อไปแล้ว ไม่มีเลอมาร์ที่คอยให้กำลังใจ ไม่มีเลอมาร์ที่ช่วยให้คำแนะนำหาทางออกไปด้วยกัน ไม่มีเลอมาร์ให้เขาได้ปกป้อง... ในเมื่อบัคกี้ บาร์นส์เสนอ เขาจึงไม่ปฏิเสธ

 

"แล้วก็... ขอบใจอีกครั้งกับสิ่งที่นายพูดกับฉัน นั่นมีความหมายมาก"

 

"...." มีเพียงการพยักหน้าตอบรับจากเจมส์ บาร์นส์เท่านั้น

 

 

 

 

 

------------

 

 

 

 

หลายเดือนต่อมา

 

"สัปดาห์ก่อนฉันบังเอิญเจอคริสติน่า เธอบอกว่าไม่เจอหน้านายเลยตั้งแต่ที่ฉันไปประกันตัวนายออกมา"

 

เสียงของจอห์นดังขึ้นผ่านทางเดินเชื่อมระหว่างสองห้อง เขาปล่อยร่างสูงกำยำลงนั่งบนเก้าอี้โซฟาภายในห้องพักของ 'ว่าที่' สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างนายเจมส์ 'บูคานาน' บาร์นส์ แผ่นหลังเอนพิงเบาะ ดวงตาจดจ้องตรงไปยังผู้ที่อยู่หลังเคาท์เตอร์ซึ่งกำลังง่วนกับการลองทำเครื่องดื่มตามสูตรบนหน้ากระดาษ

 

"หลังจากนี้ดร.เรย์นอร์จะเห็นฉันบ่อยขึ้นบนหน้าจอ ฝากบอกเธอด้วยถ้าหากนายเจอ"

 

"ได้เลยครับผม ท่านสส." จอห์นเน้นคำว่า 'สส.' ออกมาชัดถ้อยชัดคำอีกทั้งยกมือทำท่าตะเบ๊ะส่งไปหาอย่างแข็งขัน ทำเอาเจ้าของแขนไวเบรเนียมถึงกับต้องเงยใบหน้าขึ้นมองจ้อง พร้อมหยิบก้อนน้ำแข็งถือไว้ในมือ

 

หลายๆ ครั้งเขารู้สึกหมั่นไส้จอห์น วอล์คเกอร์แต่เป็นความหมั่นไส้ที่ไร้ซึ่งความบาดหมาง เป็นความรู้สึกต้องการบี้เจ้าหมอนี่เสียให้ได้ ดังนั้นก้อนน้ำแข็งในมือจึงถูกปาข้ามโต๊ะเคาท์เตอร์ตรงมายังตัวของคนที่นั่งสบายใจตรงนั้น

 

"อย่าทำตัวเวอร์จอห์น"

 

"โว้ว เฮ้!" นายทหารอดีตกัปตันอเมริกาส่งเสียง มือสองข้างคว้าจับสิ่งที่ลอยตรงมาหาได้ทันท่วงทีก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นเดินตรงไปหาผู้ที่จู่โจมเขาด้วยก้อนน้ำแข็งเพื่อเก็บลงอ่างล้างจาน "อีกหน่อยนายจะชินกับมัน คนจะเอาแต่เรียก 'ท่าน สส.บาร์นส์' ไมโครโฟนจะเข้ามาจ่อนายไม่หยุด" ไม่เพียงพูดเปล่าแต่มือกลับคว้าจับช้อนแถวนั้นยื่นจ่อไปหาทำราวกับว่าสิ่งนี้คือเครื่องมือขยายเสียง

 

"จอห์น.." ใบหน้าของจ่าบาร์นส์หันหลบเล็กน้อย เจ้าหมอนี่แหย่เขาไม่หยุดแถมแสดงออกเช่นนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนจะรู้สึกสนิทชิดเชื้อกันเสียอีก ใช่ว่าบัคกี้จะรู้สึกคุ้นชินทั้งที่เจอมานับครั้งไม่ถ้วน แต่การกระทำเหล่านั้นของจอห์นที่มักมาพร้อมรอยยิ้มกลับเป็นตัวช่วยเยียวยาเขาในแต่ละวัน เขาไม่รู้สึกรำคาญแม้แต่น้อยถึงบางครั้งสีหน้าจะแสดงออกเช่นนั้น

 

บัคกี้ดันมือที่เข้ามาวุ่นวายตรงหน้าให้เลื่อนออกห่างอย่างช้าๆ แต่เมื่อสายตาเหลือบกลับไปเจอใบหน้ายิ้มแย้มของเจ้าสุนัขตัวโตนามว่าจอห์น เอฟ. วอล์คเกอร์แล้ว ใจหนึ่งกลับนึกอยากหยิบช้อนในมือข้างนั้นเคาะเข้าที่หน้าผากเจ้าตัวเสียเหลือเกิน ไม่เคยเลยที่เขาจะใช้คำว่าหมั่นไส้ได้สิ้นเปลืองถึงเพียงนี้

 

พักหลังมานี้สภาพจิตใจของจอห์นดูดีขึ้นกว่าเก่า นอกจากยอมเข้ารับการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญแล้วอย่างน้อยก็ยังยอมพูดคุยกับเขาอย่างเปิดเผย รวมถึงการคอยเช็คสภาพจิตใจของบัคกี้อยู่เสมอ แม้ตัวบัคกี้จะไม่ค่อยบอกออกไปทั้งหมดในคราวเดียว

 

การมีใครสักคนอยู่ข้างๆ สามารถช่วยเยียวยากันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

"เรื่องทำงานเป็นยังไงบ้าง?"

 

คำถามนั้นถูกยกขึ้นมาหลังจากที่ชายร่างสูงตรงหน้าคืนช้อนในมือพร้อมผละถอยไปยืนชมวิวที่หน้าต่างบานใหญ่

 

"สู้ไปวันต่อวันเหมือนเดิม อย่างน้อยก็ยังมีงานให้ทำ ถ้าหากไม่มี อ็อกซ์ (O.X.E.) ฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรได้"

 

"นายทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างวอล์คเกอร์" ว่าที่สส.บาร์นส์กล่าวท้วงขึ้นมาทันทีทันใด เขาทราบแก่ใจว่าการใช้ชีวิตบางครั้งอาจหลงทางไปบ้างแต่ท้ายที่สุดผู้คนจะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง "เล่าให้ฉันฟังสิ เกี่ยวกับอ็อกซ์"

 

"เหมือนที่ฉันบอกกับนายไป ทำงานที่วาลส่งมาให้ บลาบลาบลา งานสืบสวนยังน้อยกว่างาน 'เก็บกวาด'" จอห์นเอี้ยวตัวหันกลับมาหาเล็กน้อยพร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อขยับนิ้วเน้นคำว่า 'เก็บกวาด' อย่างที่เข้าใจกัน

 

หลังจากถูกปลดตำแหน่งกัปตันอเมริกาและยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลายที่เคยทำมาจอห์นได้รับการติดต่อจาก 'วาเลนติน่า อัลเลกรา เดอ ฟองเทน' ตั้งแต่วันนั้นแถมยังได้ชื่อใหม่มาถือครอง อย่างชื่อ 'U.S.Agent' แต่ก็ใช่ว่าจะได้เอาชื่อนี้ไปป่าวประกาศที่ใดดังๆ คล้ายจะมีแค่บัคกี้กับโอลิเวียเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้

 

"ฉันรู้ว่ามันคืองาน แต่อย่าทำงานจนลืมว่านายคือใคร"

 

"นายเป็นห่วงเหรอ?" จอห์นถามกลับทันควันทั้งที่ตัวเขานั้นทราบแก่ใจดีแท้ๆ ถึงความเป็นห่วงที่บัคกี้มักส่งมอบมาให้แม้จะมาในรูปแบบแปลกๆ ก็ตาม ชายอายุร้อยปีคนนี้มีการแสดงออกที่ต้องคอยอ่านคำให้ออกตีความให้แตก หลายครั้งมักแสดงคล้ายว่าไม่สนใจแต่แท้จริงกลับตรงกันข้าม

 

"รับเครื่องดื่มสูตรพิเศษจากฉันไปก็แล้วกัน" สิ้นสุดประโยค จอห์นก็ได้พบภาพถุงเกลือที่เทลงใส่แก้วเครื่องดื่มจนพูน

 

"บัคกี้ เดี๋ยว!!"

 

....................

..............

.......

....

..

..

.

 

 

 

Next: Disconnect

Chapter 2

Summary:

Their relationship is growing, and they make time for each other. But one day, John shuts Bucky out of his past again.

Chapter Text

 

 

Title: Disconnect

Pairing: Bucky Barnes l Winter Soldier and John F. Walker l U.S. Agent

Movies: The Falcon and the Winter Soldier (2021), Thunderbolts (2025)

 

 

หลายครั้งที่จอห์น วอล์คเกอร์มักหลุดเข้าไปในห้วงแห่งความคิด หลายครั้งที่บทความบนหน้าจอมีแต่เนื้อหาเกี่ยวกับจอห์น วอล์คเกอร์ ทั้งที่เรื่องราวเหล่านั้นผ่านมาจนป่านนี้แต่กลับยังคงถูกนำมากล่าวถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีวันจบสิ้น

 

สิ่งที่จะทำให้จอห์นก้าวข้ามเรื่องพวกนี้ไปได้คือการยอมรับและให้อภัยตัวเองเพราะสุดท้ายผู้คนก็จะกลับมาพูดถึงอีกครั้งและอีกครั้งเพียงแต่จอห์นจะค่อยๆ แกร่งขึ้นจนไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าทอถึงสิ่งที่เคยกระทำในอดีต

 

จดจำ ยอมรับและกลับมายืนหยัด มิใช่วิ่งหนีเพื่อที่จะฝังลืมอดีต

 

"วอล์คเกอร์ นายมองฉันไม่ดีกว่าเหรอ?"

 

บัคกี้ บาร์นส์เอ่ยถามในตอนที่ตัวเขานั่งลงตรงข้ามกับชายเจ้าของเรือนผมสีทองซึ่งตอนนี้ใบหน้าที่เคยเกลี้ยงเกลาปกคลุมด้วยหนวดเคราหนา กลับกันบัคกี้เองก็ผมยาวขึ้นกว่าเก่าเพียงแต่จัดทรงผมจนเรียบร้อย

 

ดวงตาคู่นั้นเลื่อนมองตามการขยับเขยื้อนกายของผู้มาใหม่ สบมองตั้งแต่ตอนที่ได้ยินน้ำเสียงเอ่ยทักกระทั่งร่างทั้งร่างนั่งลงในระดับเดียวกัน จอห์น วอล์คเกอร์คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงบนโต๊ะและไม่ได้จับมันไปอีกสักพัก ขณะเดียวกันนั้นบุรุษในชุดเสื้อสูททางการสีเข้มกลับพเยิดหน้าไปทางเครื่องมือสื่อสารที่เพิ่งถูกวางลง

 

"ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็อย่าอ่านมันเลย"

 

"ไม่มีอะไรหรอก" จอห์นตอบรับพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มซึ่งบัคกี้สามารถอ่านออกได้อย่างง่ายดาย รอยยิ้มซึ่งพยายามบอกว่าทุกอย่างปกติดีแม้ความจริงกลับตรงข้าม

 

"เดินทางรอบนี้เป็นยังไง เห็นว่าต้องร่วมงานการกุศลหลายที่เลยนี่?" คำถามถูกพุ่งเข้าหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่อย่างทันควัน จอห์นไม่ได้พบบัคกี้มาได้สักพักใหญ่เพราะนอกจากติดภารกิจที่บริษัทสั่งมาแล้ว ท่านสส.บาร์นส์ผู้นี้ก็เริ่มมีงานรัดตัว ทั้งเดินทางและร่วมประชุม เห็นได้ชัดถึงความเหนื่อยอ่อนบนใบหน้าแม้จะเป็นซุปเปอร์โซลเจอร์ก็ตาม

 

"ฉันไม่ชอบงานคนเยอะ" คำตอบตรงไปตรงมาที่บ่งบอกถึงพฤติกรรมอยากเก็บตัวและอยู่เงียบๆ ประสาเจมส์ บาร์นส์ หลังจากได้ความทรงจำที่ถูกลบทิ้งคืนกลับมาเขาเปลี่ยนแปลงไปมากหากเทียบกับตัวเองสมัยที่ยังไม่ได้ถูกจับทำเป็นอาวุธสังหาร

 

"ฉันถึงแปลกใจตอนที่นายบอกจะสมัครเลือกตั้ง" ไม่ใช่เพียงจอห์นแต่ผู้คนที่รู้จักบัคกี้ล้วนแปลกใจกันทั้งนั้น เช่นเดียวกับ 'แซม วิลสัน' ผู้เป็นหนึ่งในสหายคนสนิทของอีกคนและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งกัปตันอเมริกาคนใหม่อย่างเป็นทางการ

 

"ถ้าจะจัดการอะไรให้เข้าที่เข้าทางและตรงไปตรงมามันก็ต้องวิธีนี้ ไม่มีอีกแล้วงานเบื้องหลัง"

 

"เราสลับกันคนละขั้วเลยบัคกี้" จอห์น วอล์คเกอร์ผู้ซึ่งเคยทำงานเบื้องหน้าภายใต้ภารกิจกองทัพ ผู้ซึ่งทำงานอย่างเถรตรงและมีเกียรติภายใต้รัฐบาลสหรัฐกลับกลายมาเป็นเจ้าหน้าที่เบื้องหลังทำงานลับใต้ดินให้องค์กรอ็อกซ์ กับบัคกี้ บาร์นส์ผู้ซึ่งเคยเป็นมือสังหารหลบซ่อนใต้เงามืดกลับกลายมาเป็น สส. รุ่นใหม่ไฟแรงซึ่งเป็นหน้าเป็นตาให้แก่รัฐบาล จึงไม่แปลกเลยหากจอห์นจะกล่าวว่าสลับขั้ว

 

"ถ้าฉันช่วยนายเรื่องนั้นได้ฉันก็จะทำ"

 

"นายช่วยฉันอยู่" ครานี้รอยยิ้มของวอล์คเกอร์มิได้แสดงความปิดบัง แต่กำลังส่งมอบรอยยิ้มนี้ให้ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาหาเขาเมื่อหลายเดือนก่อน หากไม่มีบัคกี้ตนคงสะเปะสะปะมากกว่าที่เป็นอยู่ การได้พูดคุยกับใครสักคนช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและความว่างเปล่าภายในใจได้บ้าง

 

"แค่นายอยู่กับฉัน นั่นก็เรียกว่าช่วยแล้ว" เขากล่าวต่อพร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้า สองแขนวางลงบนโต๊ะค้ำยันร่างตนไว้ขณะที่สีหน้าติดทะเล้นหน่อยๆ จ้องมองสส.บาร์นส์อย่างไม่ลดละ

 

"นายกำลังทำอะไร วอล์คเกอร์?" เจ้าตัวถามทันควันเมื่อดวงตาสีฟ้าของบุรุษผู้เป็นอดีตกัปตันอเมริกาจ้องมองมา สายตาคู่นั้นมิได้ทำให้รู้สึกกวนใจแต่อย่างใด

 

"เมื่อกี้มีคนบอกให้มองนายดีกว่า ฉันก็เลยกำลังมองอยู่" อาจคล้ายกับการยียวนชวนตีแต่จอห์นถือโอกาสสำรวจบัคกี้ไปในตัว ไม่ได้พบหน้าสักพักใหญ่เขาเองก็ต้องการทราบความเป็นไปของอีกคน

 

"จอห์น..." บัคกี้ส่งเสียงดุเตือนเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าคล้ายจะมากวนโมโหแต่แล้วเขาก็เลือกกล่าวถามต่อ "เห็นอะไรบ้างล่ะ?"

 

"เห็นนาย" ดวงตาของนายทหารยศผู้กองขยับไปมาเพื่อสำรวจมองทุกๆ พื้นที่บนใบหน้า บัคกี้ดูเหนื่อยอ่อนขึ้นมากจริงๆ "พักผ่อนเต็มที่บ้างรึเปล่า?"

 

"ฉันจำไม่ได้แล้วว่าพักผ่อนอย่างเต็มที่นั่นมันเมื่อไหร่แต่ฉันยังพักผ่อนปกติ" เมื่อได้รับตำแหน่งของสมาชิกสภาฯ สิ่งที่ทำให้บัคกี้เหนื่อยอ่อนโดยแท้จริงแล้วคงหลีกหนีไม่พ้นการพบเจอผู้คนจำนวนมากต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน การพักผ่อนสำหรับบัคกี้ขอเพียงเวลาอยู่เงียบๆ ลำพังสักพักแล้วทุกอย่างจะกลับมาดีเอง

 

"ถึงจะเป็นซุปเปอร์โซลเจอร์แต่ก็อย่าฝืนตัวเองมากนักล่ะ" จอห์นคงได้แค่บอกกล่าวเพียงเท่านั้น เขาไม่มีอำนาจหรือสิทธิ์ใดในการบังคับบัคกี้ ซึ่งบัคกี้เองก็คงคิดเห็นเช่นเดียวกัน "ตอนนี้นายยังฝันร้ายบ่อยๆ อยู่รึเปล่า?"

 

คำถามเกี่ยวกับตัวบัคกี้ บาร์นส์ พุ่งเป้า ตรงตัว นัยน์ตาสีฟ้าสวยเสหลบไปทางอื่นตามด้วยเสียงกระแอ่มในลำคอ ไม่ได้กล่าวตอบในทันที เรื่องฝันร้ายแม้จะทุเลาลงแต่ใช่ว่าจะหายสนิท การเดินทางอันแสนยาวนานและเจ็บปวด กว่าเขาจะตื่นจากฝันร้ายได้ก็ผ่านไปหลายปี จวบจนตอนนี้ยังคงมีบ้างประปราย

 

ความเงียบคือคำตอบที่ชัดเจนเสียจนจอห์น วอล์คเกอร์ไม่จำเป็นต้องถามซอกแซกเพื่อเค้นเอาคำตอบแต่อย่างใด เขานับถือบัคกี้ต่อสิ่งที่อีกฝ่ายได้เลือกกระทำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการยอมรับในสิ่งที่ตนเองเคยเป็นและเลือกก้าวเดินไปข้างหน้า

 

สำหรับจอห์นแล้ว.. แม้จะทราบอยู่เต็มอกแต่กลับยังก้าวข้ามไปไม่ได้เสียที

 

"แวะไปที่บ้านฉันหน่อยดีรึเปล่า?"

 

 

 

 

 

---------------

 

 

 

 

 

บ้านของจอห์น วอล์คเกอร์ภายนอกมิได้แตกต่างจากครั้งสุดท้ายที่สส.บาร์นส์มาเยี่ยมเยียน แต่หากเทียบกับภายใน บางมุมคล้ายจะโดนพายุซัดกระหน่ำเข้าให้ บัคกี้ไม่ได้กล่าวถามเรื่องนั้นแต่กำลังเก็บรายละเอียดเพื่ออัพเดทข้อมูลล่าสุดของตัวเอง

 

"โอลิเวียไม่อยู่เหรอ?" คำถามถูกส่งมอบทันทีที่ข้อมูลภายในหัวของอดีตวินเทอร์โซลเจอร์ประมวลผลจนแล้วเสร็จ น่าแปลกที่ตนไม่เห็นภรรยาของวอล์คเกอร์

 

"เธอคงพาลูกไปเที่ยว" จอห์นตอบกลับขณะคว้าเก็บผ้าบนโซฟาพับเข้าที่จนเรียบร้อย เขาพาร่างของตนขลุกอยู่หลังบานตู้เย็น หยิบพายในตู้ออกมาวางบนโต๊ะเคาท์เตอร์พร้อมกับตักแบ่งลงจานโดยไม่ลืมจะกล่าวถาม "ชาหรือกาแฟ?"

 

"กาแฟ" ผู้มาเยือนตอบรับเมื่อสิ้นสุดประโยคคำถาม มีบางอย่างกวนใจบัคกี้ บาร์นส์ คราแรกตนไม่แน่ใจนักแต่เมื่อมองสำรวจรอบบ้าน สัมผัสบรรยากาศโดยรอบ ท้ายที่สุดจึงยกหัวข้อสนทนาที่กวนใจตนขึ้นมา "ช่วงนี้นายกับโอลิเวียเป็นยังไงบ้าง?"

 

"ฉันกับโอลิเวีย?" เจ้าของบ้านทวนคำถามโดยที่มือทั้งสองยังคงจัดการเครื่องทำกาแฟ เกิดเสียงกุกกักเป็นครั้งคราวก่อนที่เสียงของจอห์นจะดังขึ้นอีกครั้ง

 

"ก็เหมือนครอบครัวทั่วไป ใช้ชีวิต ทำงาน เลี้ยงลูก" จอห์นหันใบหน้ามาส่งยิ้มให้หนึ่งครั้ง แต่รอยยิ้มของเขากำลังถูกบัคกี้ บาร์นส์นำมาพิจารณาและวิเคราะห์

 

มีบางอย่างเกิดขึ้น

 

"นายกลับมาบ้านบ่อยหรือเปล่า จอห์น?"

 

"เสร็จงานฉันก็กลับมาบ้าน หาอะไรทำต่อ ฉันปล่อยตัวเองว่างไม่ค่อยได้"

 

จ่าทหารขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อฟังคำตอบ จากข้อมูลที่ตนมีสามารถเข้าใจได้ว่าจอห์นยังติดอยู่ในหลุมแห่งความรู้สึกหลุมเดิม ถึงจะปีนกลับขึ้นมาได้แต่ท้ายที่สุดอาจเลือกกลับลงไปอยู่ในจุดนั้น เรื่องพวกนี้จำเป็นต้องใช้เวลาในการเยียวยาบัคกี้ทราบแก่ใจดีแต่จอห์นอาจกำลังทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว และนานวันเข้าอาจเริ่มทำร้ายคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

"นายได้ไปขอคำปรึกษาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?"

 

จอห์นทำท่าทางนึกอยู่สักครู่โดยไม่ได้ให้คำตอบในทันที เขาเดินเข้ามาหาใกล้ๆ พร้อมกับจานใส่พายและแก้วกาแฟ วางทั้งสองอย่างลงบนโต๊ะหน้าโซฟาตัวยาวแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง

 

"ฉันยุ่งกับงานกับครอบครัว บัคกี้ ฉันไม่ค่อยได้มีเวลาไปบ่อยๆ เหมือนก่อนหน้านี้หรอก"

 

"ถ้าอย่างนั้นนายก็คุยกับฉัน ตอนนี้ฉันอยู่กับนาย เริ่มจากเรื่องที่นายอยากบอกกับฉันมากที่สุด"

 

"ตอนนี้ฉันยังไม่มีเรื่องอะไรต้องคุย ขอบใจ..."

 

เจมส์ บาร์นส์รู้สึกได้ถึงกำแพงที่กำลังค่อยๆ ถูกสร้างขึ้นระหว่างเขากับโจนาธาน วอล์คเกอร์ ราวกับจอห์นกำลังค่อยๆ ผลักเขาออกห่างไปทีละน้อย แม้เจ้าตัวจะกำลังส่งเสียงขอความช่วยเหลือแต่การกระทำกลับสวนทาง

 

"ฉันเคยบอกนายแล้ววอล์คเกอร์ว่าอย่า..." บัคกี้ทิ้งช่วงไปเพื่อถอนหายใจ มือยกขึ้นกุมขมับเล็กน้อยก่อนจะปล่อยทิ้งลงข้างลำตัวเช่นเดิม จอห์นกำลังสูญเสียตัวตนไปอีกครั้ง "นายควรเลิกทำงานกับอ็อกซ์แล้วกลับมาอยู่กับครอบครัว ฉันตามสืบเรื่องของวาเลนติน่ามาได้สักพักแล้ว เรื่องงานน่ะฉันจะหาทางช่วยเอง"

 

"นายจะช่วยอะไรฉันได้!? บัคกี้ ตอนนี้งานของอ็อกซ์เป็นอย่างเดียวที่ทำให้ฉันมีความหมาย มีหน้าที่การงาน ฉันเป็นแค่ไอ้ห่วยคนหนึ่งที่พอหมดประโยชน์ก็ถูกทิ้งข้างทาง ทุกสิ่งที่เคยทำมาทั้งชื่อเสียงทั้งฐานะไม่มีค่าอะไรเลย!! ฉันถามจริงๆ ว่านายจะช่วยอะไรฉันได้!? หรือการเป็น 'ท่าน สส.บาร์นส์' จะหาทางซอกแซกเอาคนที่คนทั้งโลกเห็นว่าเป็นฆาตกรขึ้นไปทำงานด้วย? นายคิดภาพดูว่าฉันจะฉุดนายลงไปได้ขนาดไหน!!"

 

คำพูดพรั่งพรูออกมาจากปากของอดีตผู้กองแห่งกองทัพสหรัฐ อดีตยังคงตามหลอกหลอนจอห์น วอล์คเกอร์อีกครั้งและอีกครั้ง ไม่ว่าจะหันไปมองทางใดชื่อของเขายังคงถูกยกกลับขึ้นมาเปรียบเทียบกับทั้งคนในอดีตและคนปัจจุบัน เขายังคงเป็นเรื่องราวอันแสนสนุกที่ใครหลายๆ คนต้องการติดตาม จึงไม่แปลกเลยหากการหายไปจากหน้ากระดาษจะเป็นสิ่งที่จอห์นต้องการมากที่สุด

 

"บัคกี้ นายบอกฉันสิว่าคนอย่างฉันจะทำอะไรได้อีก? ฉันไม่เหลืออะไรเลย ฉันปกป้องอะไรใครไม่ได้เลย"

 

ใจหนึ่งบัคกี้รู้สึกโกรธจอห์นแต่อีกใจหนึ่งเขากลับรู้สึกเสียใจ การที่เขายื่นมือมาช่วยจอห์น วอล์คเกอร์ตั้งแต่ต้นเพราะเขาไม่ต้องการให้จอห์นพังทลายลงไปเหมือนกับเขาในอดีต บัคกี้ไม่ต้องการเห็นชายคนนี้อยู่เพียงลำพังในห้องไร้ผู้คนอันแสนเงียบเชียบและไร้ซึ่งแสงสว่าง

 

ความว่างเปล่าที่ค่อยๆ กัดกินจิตใจผู้คนทีละน้อย

 

"นายเห็นฉันเป็นอะไรจอห์น? ... ตลอดมานายไม่เห็นฉันอยู่ในสายตานายเลยรึไง!? ถ้านายไม่เห็นหัวฉันอย่างน้อยก็คิดถึงโอลิเวียกับลูกนายสิ!"

 

"โอลิเวียไปแล้ว!!" จอห์นโพล่งขึ้นมาเสียงดัง ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบกลืนกินพวกเขาทั้งคู่

 

"....."

 

"เธอ... ไปแล้ว เธอพาลูกไปด้วย"

 

"...นายไม่เคยบอกฉันเลย"

 

"ฉันไม่อยากให้นายมองฉันเป็นไอ้ห่วย ฉันไม่อยากเห็นสายตาเวทนาของนายอีก" น้ำเสียงสั่นเครือ แจ่มชัดเสียยิ่งกว่าอะไรดี จอห์นอดกลั้นทุกอย่างเก็บไว้กับตัวเอง

 

"ฉันขอโทษ..."

 

เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของบัคกี้ จอห์นรู้อยู่เต็มอกแต่อีกคนกลับกล่าวคำขอโทษออกมาทั้งที่ไม่จำเป็น บัคกี้ไม่ผิดเลยสักนิด แต่อารมณ์ที่ตีรวนประสมปนเปของจอห์น วอล์คเกอร์กลับค่อยๆ ปะทุออกมาทีละน้อย

 

"นายขอโทษฉันทำไม? นายทำให้ฉันเป็นอย่างนี้เหรอ? ฉันทำตัวเองฉันรู้ดีและฉันพยายามแล้วที่จะไม่ทำให้มันเกิดขึ้น"

 

บัคกี้เก็บเสียงเงียบไม่ได้กล่าวคำใดต่อ หากว่าจอห์นต้องการระบายออกมาตนพร้อมที่จะรับฟัง หากว่าจอห์นกล่าวออกมา เพียงแค่บอกว่าต้องการเขา เขาก็จะอยู่โดยเลื่อนทุกภารกิจที่ไม่เร่งด่วนในตารางออกไปในทันที แค่จอห์นพูดออกมา บอกกับเขาว่า 'ฉันต้องการนาย'

 

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นราวกับรู้จังหวะแต่บัคกี้กลับนิ่งเงียบ ไม่คิดแม้แต่จะล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารนั้นขึ้นมาจากกระเป๋า ปล่อยให้เสียงนั้นดังต่อไปจนกว่าจะดับ อีกทั้งมอบความสนใจทั้งหมดมาที่จอห์น

 

"นายบอกกับฉันสิ... วอล์คเกอร์ บอกฉัน" มือข้างขวายกขึ้นวางลงบนแผ่นอกของชายตรงหน้าโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ผลักไสเขาออกไปอีก แต่แล้วสิ่งที่จอห์น วอล์คเกอร์ตอบกลับทำให้บัคกี้ต้องรู้สึกเสียใจ

 

มือของนายทหารเลื่อนไปวางทับกับสส.บาร์นส์ สายตาเลื่อนกลับไปสบมอง จอห์นทำตัวนิสัยแย่ออกมาอีกครั้ง จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจนั่นก็ทำให้คนที่พร้อมจะช่วยเหลือต้องรู้สึกเจ็บปวด จอห์นกำลังทำลายตัวเองโดยการแสร้งว่าตัวเขานั้นสบายดี

 

เขากระชับมือที่ลงมาวางนาบ คำพูดและการกระทำล้วนสวนทาง แม้จะต้องการบัคกี้แต่กลับคิดว่าเขาไม่อาจฉุดอีกคนลงมาอยู่ด้วยกันได้ ตัวเขากำลังเป็นภาระให้กับคนดีๆ คนหนึ่ง

 

"นายไปเถอะ บัคกี้ ฉันดูแลตัวเองได้"

 

ดวงตาทั้งสองคู่มองสบประสานกันก่อนที่เรียวคิ้วของสส.บาร์นส์จะมุ่นกลายเป็นปม รู้สึกโกรธ ผิดหวังและเสียใจ ทั้งที่เสนอตัวช่วยเหลือแต่กลับมีคนย่ำอยู่กับที่ คิดว่ายอมเปิดใจให้กันแต่ท้ายที่สุดกลับผลักไสเขาออกมา อารมณ์ของอดีตวินเทอร์โซลเจอร์ในตอนนี้มากมายจนเกินพรรณนา เขาดันร่างคนตรงหน้าออกห่างด้วยมือข้างเดียวกับที่วางแนบในตอนแรก ผลักออกไปก่อนจะเดินปลีกตัวเพื่อออกจากบ้านของวอล์คเกอร์

 

"ถ้านายคิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยกับฉัน..."

 

"....."

 

"ฉันหวังว่านายจะคิดได้ในเร็วๆ นี้"

 

เสียงบานประตูปิดลง ตามด้วยเสียงสบถไล่หลังบัคกี้ บาร์นส์ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินออกจากจุดที่เคยยืนอยู่ หลังมือแนบแตะกับเบ้าตาหลังรู้สึกถึงความชื้นที่ก่อตัวก่อนจะล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงรับสายโทรศัพท์และเตรียมเดินทางกลับไปเตรียมเข้าประชุม

 

 

 

จอห์นแทบจะทึ้งหัวตัวเอง แม้จะไม่ได้ยกมือขึ้นทึ้งเรือนผมของตนแต่ทรงผมที่เคยหวีเขาทรงกลับฟูกระเซิงเพราะมือที่จับขยี้เสียเอง เขาทำตัวเฮงซวยใส่บัคกี้จนได้ ทั้งที่รู้สึกขอบคุณ รู้สึกอะไรมากมายแต่กลับทำตัวแย่ใส่ไปเสียแล้ว ถ้าหากเป็นเลอมาร์จะทำอย่างไร วอล์คเกอร์กำลังถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมถึงผลักไสบัคกี้ออกไป ทำไมถึงทำเช่นนั้น

 

ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมันไม่ได้ไร้ความหมายเลย เขามีความสุขที่อยู่กับบัคกี้ อาจสุขเกินไปจนคิดเอาเองว่าตัวเขาจะเป็นคนฉุดบัคกี้ให้ลงมาอยู่ในจุดเดียวกัน ราวกับคนละโลก เขาทำให้คนรอบตัวเสียใจ เขาทำให้ตัวเองเสียใจ เป็นเช่นนี้จนโอลิเวียยอมแพ้และหนีไป ครั้งนี้กลับกลายเป็นบัคกี้ บาร์นส์ที่คอยยืนหยัดอยู่ข้างๆ จอห์นต้องการต่อยตัวเองเหลือเกิน

 

"งี่เง่าเอ๊ย.."

 

ถ้อยคำสบถถูกปล่อยออกอีกครั้งก่อนที่ปลายแขนเสื้อจะยกขึ้นเช็ดขอบตาตัวเอง จอห์นทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา หยิบส้อมขึ้นมาตักพายยัดเข้าปากจนแทบไม่เคี้ยวกระทั่งเสียงแมสเสจดังขึ้นมา

 

เขาเปิดอ่านข้อความบนหน้าจอ

 

"ถึงเวลาทำงานแล้ว"

 

 

Chapter 3: Reconncet

Summary:

John and Bucky try to reconnect through the events of The Void. After everything ends, they slowly break down the barriers and move in together.

Chapter Text

 

 

Title: Reconnect

Pairing: Bucky Barnes l Winter Soldier and John F. Walker l U.S. Agent

Movies: The Falcon and the Winter Soldier (2021) , Thunderbolts (2025)

 

 

 

 

   ถ้าหากพยายามกันทั้งสองฝ่ายคงจะเป็นสิ่งที่ดีกว่านี้ แต่หากพยายามเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งท้ายที่สุดก็จะไม่เกิดผล เช่นเดียวกับการปรบมือข้างเดียวที่ทำอย่างไรก็ไม่เกิดเสียง

 

   บัคกี้ค่อนข้างหงุดหงิดจนส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมา นอกจากเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังองค์กรของวาเลนติน่า เดอ ฟองเทน นี่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วที่จอห์น วอล์คเกอร์ไม่ยอมติดต่อมาหา ไม่มีแม้แต่ข้อความหรือรูปภาพที่มักส่งมาให้ในบางโอกาส จอห์น วอล์คเกอร์กลับเงียบหายไร้การติดต่อ ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่บัคกี้ตั้งหน้าตั้งตารอข้อความหรือสายโทรเข้าของใครคนหนึ่ง แต่หลังจากที่พวกเขาทะเลาะกันต่างฝ่ายคงยุ่งจนไม่มีโอกาสได้ติดต่อบัคกี้จะคิดเช่นนั้น

 

   เสียงถอนหายใจดังขึ้นยาวๆ สส.บาร์นส์เคาะสันโทรศัพท์เข้ากับหน้าผากตนเองพยายามครุ่นคิด บางทีเขาน่าจะส่งข้อความไปก่อนบ้าง แต่ให้เริ่มพิมพ์ว่าอย่างไรดี? จอห์นกำลังกวนใจเขาทั้งที่ไม่อยู่ตรงหน้า หากเจ้าสุนัขตัวโตอยู่ตรงนี้และมากวนใจเขาจริงๆ ยังดีเสียกว่ามาคอยโผล่กวนใจเป็นช่วงๆ ตลอดวัน

 

'เลิกหนีฉันได้แล้ว'

 

   บัคกี้นั่งมองหน้าจอพร้อมข้อความที่ตนเพิ่งพิมพ์กด แต่แล้วกลับลบและเริ่มพิมพ์ข้อความใหม่ซ้ำวนไปหลายครั้ง

 

'นายจะหายไปจริงๆ ใช่ไหมวอล์คเกอร์?'

 

'ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย'

 

'ขอโทษ'

 

   ทุกคำที่ถูกแสดงบนหน้าจอไม่มีประโยคใดเลยที่ถูกกดส่ง บัคกี้ลบทิ้งและนั่งคิด ถ้าหากเป็นสตีฟจะทำอย่างไร? หมอนั่นคงกล่าวพูดอย่างตรงไปตรงมาและไม่ทิ้งให้ค้างคา ถ้าหากเป็นแซม? เขาควรจะถามแซมดีหรือไม่? ตอนนี้แซมเป็นคนเดียวที่บัคกี้รู้สึกสนิทใจและเป็นคนเดียวที่คิดว่าสามารถถามถึงสถานการณ์นี้ได้ และที่สำคัญที่สุดคือแซมรู้จักจอห์น

 

   เมื่อตัดสินใจได้แล้วหน้าจอที่เคยมีข้อความจึงเปลี่ยนเป็นเบอร์โทรพร้อมด้วยเสียงที่เปล่งขึ้นมาหลังจากนั้นว่า

 

"Hey, buddy."

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

"วอล์คเกอร์!!"

 

"จอห์น!!!"

 

"จอห์น!!!!"

 

   ภาพอันแสนเลือนลางค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับสุรเสียงเอ่ยเรียกที่ดังเข้าโสตประสาทในท้ายที่สุด เจ้าของชื่อ จอห์น วอล์คเกอร์ เงยใบหน้าขึ้นมองไปทางต้นเสียงที่ตอนนี้กำลังเข้าใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ 

 

"บัคกี้?"

 

   สีหน้าแสดงความประหลาดใจอย่างแจ่มชัด ทั้งเสียงและการกระทำของบัคกี้นั้นจริงเสียยิ่งกว่าจริง นายทหารยศผู้กองยื่นมือเข้าไปจับต้นแขนคนตรงหน้า สบมองนัยน์ตาคู่นั้นพลางเลื่อนมือมาสัมผัสข้างแก้มราวกับกำลังพิสูจน์ว่าเจมส์ บาร์นส์ที่เห็นนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ แม้ใจจะบอกว่าเพ้อฝัน

 

   บุรุษในชุดเสื้อหนังสีน้ำเงิน ทรงผมตัดสั้น จอห์นเคยพบเจอเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน.. เจมส์ 'บูคานาน' บาร์นส์ คนที่แสนจะเกลียดเขา คนที่ไม่คิดจะเปิดใจให้แก่เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า คนที่มองเขาด้วยสายตาผิดหวัง

 

"มัวทำอะไรอยู่วอล์คเกอร์?"

 

   เจ้าของดวงตาสีฟ้ากล่าวถามพร้อมสบมองอดีตกัปตันอเมริกา แววตาแสดงความฉงนรอคอยฟังคำตอบแต่แล้วภาพตรงหน้ากลับแปรเปลี่ยนไปพร้อมภาพของบัคกี้ บาร์นส์ที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นพร้อมโล่ไวเบรเนียมที่เปรอะเลอะโลหิตสีแดง

 

"ไปซะ จอห์น นายไม่คู่ควรกับอะไรเลย"

 

   จอห์นมองภาพตรงหน้า สายตาของบัคกี้เปลี่ยนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คำพูดเสียดแทงทำให้ความทรงจำเก่าๆ หวนย้อนกลับมา รวมถึงแขนข้างซ้ายที่เคยถูกหักคาโล่กัปตันอเมริกา เจ็บปวดเกินพรรณนา ตอนนี้จอห์นไม่อาจหาข้อสรุปได้ว่าร่างกายกับจิตใจสิ่งใดที่เจ็บปวดมากกว่ากัน

 

   นายทหารสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อภาพและความรู้สึกนั้นแสนเสมือนจริง เขาหอบหายใจพลางยกมือขวาขึ้นลูบเสยเรือนผมสีบลอนด์ทองขณะที่สายตาหันไปสำรวจมองแขนข้างซ้ายที่ยังอยู่ครบถ้วนดี

 

   ลมหายใจถูกพ่นออกมายาวนานกว่าเดิม เหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับการต้องอยู่ในสภาพนี้ หากจบงานเก็บกวาดครั้งนี้จอห์นจะกลับไปขอโทษบัคกี้ มิได้ตั้งใจให้ทิ้งช่วงนานแต่ตนต้องรักษาพื้นที่ของตัวเอง ความโกรธที่ผสมปนเปกับความสิ้นหวัง ความเสียใจ เขาไม่อยากทำร้ายบัคกี้ไปมากกว่านี้ แต่เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนดีบางทีพวกเขาทั้งคู่ควรไปรับคำปรึกษาพร้อมกัน บางอย่างอาจจะยังเป็นปมในใจพวกเขาทั้งคู่

 

   จอห์นคว้าหยิบเครื่องมือสื่อสาร มองเวลาบนหน้าจอก่อนคว้าเอกสารที่เคยถูกทับอยู่มาเปิดอ่านทบทวน

 

'เยเลน่า เบโลวา' อดีตวิโดว์จากเรดรูม เป้าหมายของภารกิจเก็บกวาดในครั้งนี้ หลังจากจัดการเธอ เขาจะรีบกลับไปสะสางเรื่องตนเองต่อ หวังว่าจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

   ห้องโถงแสนโอ่อ่า ตู้แสดงเครื่องมือเครื่องใช้บอกเล่าประวัติศาสตร์ทีมอเวนเจอร์สถูกวางเรียงอย่างประปรายต้อนรับผู้คนมากหน้าหลายตาซึ่งมีทั้งยศ ฐานะและตำแหน่ง

 

   บัคกี้ บาร์นส์คือหนึ่งในนั้น ตำแหน่งสมาชิกสภาฯ ที่จำเป็นต้องมาออกงานกาล่าของวาเลนติน่า อัลเลกรา เดอ ฟองเทน ผู้ก่อตั้งบริษัท O.X.E. ผู้เป็นเจ้านายและผู้ว่าจ้างของจอห์น วอล์คเกอร์แม้ว่าจอห์นจะไม่มีชื่อเป็นพนักงานอยู่ในนั้นก็ตาม อย่างไรเสียพวกเขาจะล้มวาเลนติน่าให้จงได้ แม้ว่าหลักฐานชิ้นโบว์แดงที่บัคกี้คิดไว้คือการพาจอห์นมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล

 

   บางทีเขาน่าจะขอคำปรึกษาจากแซมมากกว่านี้..

 

   พอยิ่งคิดกลับยิ่งปวดหัว ข้อเท็จจริงกับความรู้สึกผสมกันจนยุ่งเหยิง บาร์นส์เริ่มตั้งคำถามว่าตัวเขาควรจัดการความรู้สึกใดก่อนเพราะแม้ว่าเรื่องงานจะมาก่อนแต่คำว่า จอห์น จอห์น จอห์น กลับวนเวียนในโสตประสาทหนักกว่าเดิมตั้งแต่วางสายสนทนากับแซม วิลสัน กัปตันอเมริกาคนปัจจุบัน

 

   หากงานหรือภารกิจไม่ได้เกี่ยวโยงกับเขาหรือจอห์นก็คงดี ทุกอย่างคงจะง่ายกว่านี้เพราะเสี้ยวหนึ่งในใจลึกๆ ของบัคกี้แม้กำลังกระทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ท้ายที่สุดเขานี่เองที่กำลังจะทำลายจอห์น วอล์คเกอร์อีกครั้ง เขาจะกลายเป็นคนบดขยี้นายทหารคนนั้นด้วยมือตัวเอง

 

   จอห์นเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าอ็อกซ์เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขามีเป้าหมาย ทำให้รู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง หากหลุดจากตรงนี้ไปงานที่เคยมีคงหายสาบสูญ บัคกี้หน่ายใจเสียเหลือเกิน เป็นเขานี่เองจอมทำลายล้าง..

 

   เมื่อนึกย้อนไปก่อนหน้าการได้พูดคุยกับแซมทำให้เขาเห็นภาพตัวเองมากขึ้น เข้าใจขึ้นมาว่าทำไมตัวเขาจึงต้องการทำทุกอย่างให้กับวอล์คเกอร์ เหตุผลมีเพียงอย่างเดียว มันคงเป็นอย่างที่แซมถามกลับมา

 

"นายกวนใจฉันอีกแล้วจอห์น.."

 

   บัคกี้พึมพำกับตัวเอง เขาควรหยุดนึกถึงจอห์นสักพักและหันมามีสมาธิกับแผนการของสส.แกรี่ สนทนาให้เสร็จสิ้นและมุ่งตรงกลับบ้านเพื่อรอรับมือกับสิ่งที่เหนือความคาดหมาย บัคกี้ต้องการลงมือให้รวบรัดแต่กลับกลายเป็นต้องมานั่งอ่านคัมภีร์เพื่อใช้สำหรับการฟ้องร้องและอื่นๆ 

 

   ดำเนินไปตามกระบวนการอันแสนล่าช้าจนเริ่มคิดขึ้นมาว่าสิ่งนี้เหมาะกับเขาแล้วหรือไม่ 

 

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายคือ 'เมลิซ่า โกลด์' เลขาคนสนิทของวาเลนติน่า เธอต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันได้กล่าวพูดคุยกันจนได้ความ สายกลับถูกตัดไปพร้อมกับประโยคที่ว่าให้ติดตามร่องรอยมือถือ

 

   แน่นอนว่าบัคกี้เลือกจะติดตามจากคนคุ้นเคยที่สุด ถึงเวลาเตรียมตัวออกภาคสนามเสียที

 

 

 

 

 

 

 

นอกเขตฐานวิจัยของอ็อกซ์

 

   ความโกลาหลวุ่นวายถูกสร้างขึ้นไม่หยุดหย่อน ตะลุมบอนกันอย่างสับสนตั้งแต่ที่จอห์นเข้าไปพบเป้าหมายอย่างเยเลน่า ผู้ที่ถูกกาหัวว่าคือสายลับที่ตั้งใจมาขโมยข้อมูลขององค์กร แต่แล้ว ‘แอนโทเนีย เดรย์คอฟ’ หรือ ‘ทาสค์มาสเตอร์’ กลับปรากฏตัวมาเพื่อปลิดชีพเขาอีกต่อหนึ่ง ไม่ต้องกล่าวถึง ‘เอวา สตาร์’ เจ้าของสมญานาม ‘โกสต์’ ที่ถูกว่าจ้างมาเก็บเดรย์คอฟอีกที แม้จอห์นจะอ่านทุกอย่างออกแต่กลับปิดกั้นความจริงที่ต้องยอมรับเพราะเป้าหมายเดียวที่เขาต้องจัดการคือเยเลน่า เบโลวาเพียงคนเดียว

 

   ไม่นึกเลยว่าการมาทำงานในครั้งนี้เขาจะได้เจอทีมเฉพาะกิจ สิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่าครอบครัว จอห์นรู้สึกได้ว่าที่ตรงนี้คล้ายกับสมัยที่เขาต้องลงสนามในฐานะทหารของกองทัพแต่ไม่ได้นึกเตรียมใจว่าจะได้พบข้อมูลของโปรเจคเซนทรีย์ซึ่งแจ้งปิดโครงการจากผลงานวิจัยที่ล้มเหลว บางที เจ้าหนุ่ม 'โรเบิร์ต เรย์โนห์ดส์' ที่พบในกลุ่มกองเอกสารในห้องเก็บกวาดอาจมีความเกี่ยวโยงกัน

 

   บ๊อบมิได้ต่างจากพลเรือนทั่วไป แต่ดันต้องมาตกระกำลำบากเจอลูกหลงจากพวกเขาที่พยายามเอาชีวิตรอดจากการสั่งเก็บ เจ้าเด็กคนนั้นยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อให้พวกเขาหนีออกมาจนได้พบกับ ‘อเล็กซี โชสตาคอฟ’ หรือ ‘เรด การ์เดี้ยน’ วีรบุรุษของโซเวียต ผู้ที่เปรียบเสมือนกัปตันอเมริกาในสมัยนั้น และยังเป็นพ่อของเยเลน่าอีกด้วย

 

   แต่การหลบหนีของพวกเขาทั้งสี่คนยังไม่จบลงเท่านี้…

 

"บัคกี้?"

 

   ภายในรถลิมูซีนคันโตของอเล็กซี จอห์นคิดว่าเขากำลังเห็นภาพหลอน ก่อนหน้านี้เขาได้พบบัคกี้ในฝันตอนนี้เขาอาจจะกำลังฝันอยู่ก็เป็นได้ เขาคงต้องการพบบัคกี้มากเกินไปหน่อย

 

   อดีตกัปตันอเมริกาพยายามเพ่งสายตามองผ่านบานกระจกหลังที่ถูกยิงจนแตกละเอียด ตำแหน่งคันรถที่ห่างออกไปคล้ายจะเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาขับมอเตอร์ไซค์อยู่ไกลลิบ เรือนผมสีเข้มยาวพอประมาณกับชุดเสื้อหนังที่สวมมาพร้อมลุยภาคสนาม จอห์นถามกับตัวเองว่าเขาควรรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้า ส่วนหนึ่งคือความดีใจแต่อีกหลายๆ ส่วนคือความรู้สึกที่ยังติดค้างภายในใจ 

 

   แต่ไม่ว่าจอห์นจะนึกคิดหรือรู้สึกเช่นไร เครื่องมือกลับพุ่งตรงเข้าใส่รถและระเบิดในทันที

 

"โอ้..เวร—"

 

 

 

…………………

…………….

……….

……

..

.

 

 

 

"พวกนายกำลังจะบอกฉันว่าบ๊อบอะไรนี่คือเซนทรีย์?" บัคกี้กล่าวทวนอีกครั้งอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ แม้ว่าข้อมูลจะถูกป้อนมาเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ด่วนกว่าสำหรับสส.บาร์นส์ตอนนี้คือการพาหลักฐานการมีอยู่ของแก๊งลับใต้ดินแก๊งนี้ไปแสดงต่อหน้าศาลเพื่อโค่นล้มอำนาจของวาเลนติน่า ถ้าหากจะกระทำสิ่งใดที่นอกเหนือจากแผนการอันแสนรวบรัดนี้เขาจำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วน

 

"ท่านสส.บาร์น"

 

"โอเค วอล์คเกอร์ นั่นหมายความว่ายังไง?" บัคกี้หันขวับกลับมาทางต้นเสียงทันที สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่ค่อยพอใจกับการถูกเรียกอย่างเป็นทางการจากบุรุษนามว่าจอห์น วอล์คเกอร์ นอกจากเรื่องภารกิจเขากับจอห์นมีเรื่องอื่นที่ต้องสะสางกันอีก

 

"นายรู้จักฉัน บัคกี้ ดังนั้นนายช่วยหยุดพูดสักเดี๋ยวแล้วฟังสิ่งที่พวกฉันกำลังบอกนายทีเถอะ"

 

"ใช่ ฉันรู้จักนายดี จอห์น และนายก็ตัดสินใจด้วยตัวของนายเอง ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับนายตั้งแต่โอลิเวียหอบลูกหนีไป แต่นั่นเพราะนายเลือกเอง"

 

   บัคกี้พยายามที่จะไม่ใส่อารมณ์ในประโยคคำพูด สายตาของจอห์นในครั้งนี้มิได้ทำให้ท่านสส.บาร์นส์ใจอ่อนทั้งที่เขาเพิ่งต่อยซ้ำเข้าที่แผลของอดีตกัปตันอเมริกาอย่างเข้าเป้า ต่อยลงไปอย่างตรงประเด็น เขาโกรธ.. พอเห็นใบหน้าของจอห์น วอล์คเกอร์ ความโกรธกลับฟื้นคืนราวกับเพิ่งตื่นจากการจำศีล เขาต้องยอมรับว่าตนโกรธจอห์นที่เลือกจะผลักไสเขาออกมาจากพื้นที่ที่เคยเข้าไปอยู่ เขาโกรธที่จอห์นปล่อยมือจากเขา และเลือกกลับไปจมปลักกับสิ่งเดิม ราวกับที่พวกเขาทำมานั้นไร้ค่า และแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องบ๊อบหรือโครงการอะไรนั่นแต่บัคกี้กลับเลือกกล่าวออกไปเสียแล้ว

 

   เขาควรใจเย็น และวางตัวให้ดีกว่านี้ เรื่องของเขากับจอห์นไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจ แต่เขากลับโพล่งออกไปอย่างห้ามไม่ได้ 

 

   อดกลั้นให้ดีกว่านี้บัคกี้ บาร์นส์ จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลง

 

   คำพูดของบัคกี้ บาร์นส์เสียดแทงเข้าไปในกายของนายทหารเสียเต็มประดา ราวกับถูกมีดสั้นปักเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จอห์นรับรู้ได้ถึงความโกรธของบัคกี้ผ่านคำพูด พวกเขาไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกันเลยหลังจากเกิดเรื่องที่บ้าน เป็นเขาเองที่ผิดซึ่งจอห์นทราบแก่ใจดี

 

   หากจะแสดงมุมอ่อนแอให้แก่ใครสักคนหนึ่งเห็น เขาได้ข้อสรุปแล้วว่าคนคนนั้นคือใคร ที่เขาเจ็บไม่ใช่เพียงเรื่องที่โอลิเวียเลือกจากไปพร้อมกับลูกชายแต่ที่เขาเจ็บคือการทำให้บัคกี้ผิดหวังและเสียใจ บัคกี้ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่จอห์นไม่เคยคิดเปิดรับใครเข้ามาง่ายๆ เขาผลักไสอีกคนออกไปอย่างไรเยื่อใย สมควรแล้วที่จะถูกโกรธ

 

   จอห์นต้องการกล่าวคำพูดบางอย่างกับชายตรงหน้า แต่เขาคนนั้นกลับหันหลบและสนใจเพียงภารกิจ ราวกับทุกอย่างนั้นสายเกินแก้

 

   สายตาของเยเลน่าล้วนมีแต่คำถาม อดีตมือสังหารจากเรดรูมพยายามพูดคุยผ่านแววตาด้วยการหันใบหน้าเข้าหาคนที่ถูกมัดอยู่ข้างตัว ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาทำคล้ายกับว่าเป็นเพียงคนเดียวในทีมที่มีครอบครัวแสนสุขสันต์รอคอยอยู่ที่บ้านแต่ความจริงกลับตรงกันข้าม แถมมีเรื่องของอดีตวินเทอร์โซลเจอร์ ที่ดูคล้ายว่าจะสนิทกันกว่าที่เห็นเพราะทุกคำพูดที่ชายคนนั้นยกขึ้นมา ฟังอย่างไรก็สามารถเข้าใจได้ว่ามีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน 

 

   สิ่งที่จอห์นแสดงออกกลับเป็นการกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมการไหวไหล่คล้ายว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กๆ และตนสบายดี แม้ภายในใจเขากำลังเจ็บปวดไม่ต่างจากใครอื่น เขามีสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อนทุกอย่างจะถลำลึกไปกว่านี้

 

"อีกหกนาทีเฮลิคอปเตอร์จะมาถึง" ถือเป็นประโยคแจ้งให้ทราบ ทุกคนทั้งหมดตรงนี้ที่ถูกเขามัดพันธนาการจะต้องถูกพากลับไปในฐานะหลักฐานชิ้นโบว์แดง แต่แล้วสายสวรรค์ของแก๊งธันเดอร์โบลท์ก็ได้รับการดลบันดาล

 

   เมลิซ่า โกลด์อีกครั้ง คราวนี้เธอบอกรายละเอียดเรื่องเซนทรีย์อย่างครบถ้วน ดูเหมือนว่าจะต้องมีการเปลี่ยนจุดหมายปลายทางกันเล็กน้อย

 

   ถึงเวลาตัดสินใจปลดพันธนาการแก๊งธันเดอร์โบลท์

 

 

 

 

"บัคกี้..." สิ่งแรกที่จอห์นเลือกกระทำหลังจากถูกปลดพันธนาการคือการเดินตรงไปหาสส.บาร์นส์และเริ่มพูดคุย แม้เวลาจะแสนสั้นแต่ตนจำเป็นต้องใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่า

 

"ฉันไม่มีเรื่องต้องคุยตอนนี้"

 

"ถึงนายจะไม่อยากฟังแต่เรามีเรื่องต้องคุยกัน ขอให้ฉันพูดได้รึเปล่า?" นายทหารกล่าวถามอย่างใจเย็นพร้อมจดจ้องไปยังคนตรงหน้า หากถูกปฏิเสธกลับมาเขาก็คงเลือกกล่าวออกไปเสียอยู่ดี

 

   บัคกี้เงียบไปชั่วครู่ ถึงแม้จะพยายามไม่มองใบหน้าของคนที่เข้ามาหาแต่ท้ายที่สุดกลับต้องยอมแพ้ให้กับสายตาและสีหน้าของบุรุษผู้นี้อีกจนได้ ยอมใจอ่อนทั้งที่จอห์นทำให้เขาโกรธและเสียใจ 

 

"โอกาสนายมาถึงแล้ว ใช้ให้มันคุ้มค่า" เจ้าของประโยคดันประตูเปิดออกพร้อมเหยียบเท้าลงจรดก้อนดินก้อนทรายด้านนอกอาคาร หากพูดคุยภายในนั้นเรื่องส่วนตัวคงได้ถูกแพร่กระจายไปมากกว่าเดิม เขาพลาดที่ดันใส่อารมณ์ไปในตอนแรก

 

 

"พนันได้เลยว่าสองคนนั้นต้องเคยเดตกัน" เยเลน่าโพล่งขึ้นมาหลังจากทั้งสองคนเดินออกไปแล้ว จะไม่ให้เธอแอบคิดได้อย่างไรในเมื่ออาการทั้งสองคนแสดงออกชัดเจน

 

"ฉันก็อยากคิดอย่างนั้นแต่อย่างวอล์คเกอร์?" เอวากลอกตาหนึ่งครั้งพร้อมสีหน้าแสดงความหน่ายใจ การเจอกันครั้งแรกไม่ได้น่าประทับใจถึงเพียงนั้น รู้สึกหมั่นไส้ตั้งแต่เห็นหน้าในแง่ที่ว่าหมอนี่ต้องโดนตีสักทีสองที

 

"ไม่เอาน่ะเลน่า ถึงลูกคิดถูกแต่ก็ไม่มีใครพนันกับลูกหรอก" อเล็กซีกล่าวขึ้นมา ในสถานการณ์นี้สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าเรื่องซุบซิบคือการใช้ร่างกายตนเองในการออกรบ ซึ่งในเร็วๆ นี้เขาจะได้ทำเช่นนั้น

 

"สักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?"

 

"ไม่"

 

 

 

 

 

"อย่าอ้อมค้อมแล้วพูดออกมาเลย ฉันไม่อยากเสียเวลากับนาย" บัคกี้เอ่ยบอกขณะเดินห่างออกไปจากประตูอาคาร ปล่อยให้จอห์นตามมาจนถึงจุดที่เขาต้องการแต่ทันทีที่หันกลับมาร่างของอดีตกัปตันอเมริกากลับยืนแทบประชิดตัว ดันก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอย่างตั้งใจ ทำเอาบัคกี้ผงะไปเล็กน้อย หวังว่าจะไม่เผลอแสดงผ่านทางสีหน้า

 

"นายเข้ามาใกล้เกินไป..." บัคกี้ยกมือขึ้นดันตัวคนตรงหน้าพร้อมออกแรงผลักเบาๆ แต่เหมือนว่าจอห์นจะทิ้งน้ำหนักเข้าหาฝ่ามือของเขาแทนที่จะผละถอยไป

 

"ฉันขอโทษที่พูดไม่ดีกับนาย บัคกี้ ขอโทษที่ผลักไสนายออกไป ฉันแค่ไม่อยากให้นายผิดหวังในตัวฉัน" จอห์นยังคุ้นชินกับการถูกคาดหวัง และความคาดหวังเหล่านั้นคือสิ่งที่ทำให้บ่าทั้งสองของนายทหารหนักอึ้งจนกลายเป็นการแสดงออกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เช่นเดียวกับครั้งที่เป็นกัปตันอเมริกา

 

"นายแบกรับความคาดหวังของคนอื่นมากเกินไปหรือเปล่าจอห์น?" บัคกี้ถามขึ้นมาโดยไม่ได้ลดมือที่ดันร่างจอห์น วอล์คเกอร์ลงแต่อย่างใด แค่ผ่อนแรงที่ดันปล่อยเป็นการวางมือนาบร่างคนตรงหน้า

 

"ทั้งหมดที่ฉันทำมาเพราะต้องการให้นายเป็นตัวของตัวเอง ฉันจะไม่พูดว่าตัวฉันเองคือฝ่ายถูกเพราะคนที่หาเรื่องเข้าไปอยู่ในชีวิตของนายก็คือฉัน... ตลอดเวลาที่อยู่กับนาย ฉันเห็นแล้วว่านายคือใคร นายเป็นคนแบบไหน ทำไมโอลิเวียถึงรักนาย ทำไมเลอมาร์ ฮอสกินส์ถึงรักนาย ฉันชอบนายที่เป็นอย่างนั้นมากกว่าคนที่พยายามทิ้งฉันเอาไว้ด้านหลัง ดังนั้นจอห์น.. นายหยุดคิดแทนฉัน เลิกคิดว่านายจะฉุดหรือดึงรั้งฉันให้จมลงไปกับนายรึเปล่าเพราะฉันคือคนตัดสินใจเอง ... แค่นายยอมให้ฉันอยู่ตรงนั้นกับนาย" ประโยคสุดท้ายเขากล่าวออกมาแผ่วเบา ไม่แน่ใจนักว่าตัวเขาต้องการสิ่งใดกันแน่ แต่อย่างที่ว่า.. การได้พูดคุยกับแซมทำให้บัคกี้กลับมาสำรวจตัวเองมากกว่าเดิมและเขาก็เลือกจะค่อยๆ ยอมรับสิ่งที่ตนไม่เคยสังเกต

 

"ฉันเป็นคนล้มเหลว บัคกี้.. แม้แต่โอลิเวียยังยอมแพ้กับฉัน ที่นายพูดมาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ผิดนักหรอกเรื่องที่ว่าฉันตัดสินใจของฉันเอง"

 

"ฉันพูดออกไปเพราะโมโห" เขาขึ้นเสียงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ "ถ้านายบอกตัวเองล้มเหลว ฉันก็เป็นคนนั้นเหมือนกัน ... จอห์น ฉันเคยอยู่ในจุดนั้นมาก่อน ทำเรื่องแย่ๆ มาตั้งเยอะ อดีตที่เราทำมันไม่เคยหายไป มีแต่เราที่ต้องเชิดหน้ายอมรับและก้าวเดินต่อไป นายคือคนนั้นไม่ใช่รึไง? คนที่เลือกจะเผชิญหน้ากับความกลัว คนที่ยอมรับความล้มเหลวของตัวเองและพยายามยืนหยัดขึ้นมาใหม่ ทุกๆ ช่วงเวลาที่อยู่กับนาย นายทำอย่างนั้นมาเสมอและฉันไม่เคยผิดหวังในตัวนายเลย"

 

   จอห์นรับฟังอย่างตั้งใจ ทุกคำพูดที่ชายตรงหน้ากล่าวมาถูกเก็บรายละเอียดอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เขาพยายามกลับมาตั้งตัวใหม่อีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เห็นความล้มเหลวของตัวเองราวกับร่างทั้งร่างถูกดึงกลับเข้าไปในห้วงแห่งความว่างเปล่า แบกรับความคาดหวัง แบกรับความล้มเหลวจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เขาคงต้องยอมรับว่าแสงสว่างเดียวในตอนนั้นที่แทรกตัวผ่านความมืดเข้ามาคือ เจมส์ 'บัคกี้' บาร์นส์

 

"บัคกี้ ฉันอยากจะรู้.." จอห์นเกริ่นขึ้นมา แม้จะเห็นบัคกี้เป็นแสงสว่างที่พยายามจะสาดแสงภายในความมืดแต่เขายังคงมีปมลึกๆ ในใจไม่เสื่อมคลาย ข้อคำถามที่มีมาตลอดหลายปีซึ่งแม้บัคกี้จะแสดงให้เห็นแต่เขาต้องการรับฟังเป็นคำพูด 

 

บัคกี้เอียงศีรษะเล็กน้อยรอฟัง นึกคิดคำตอบล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ทราบว่าคือเรื่องใด

 

"นายยังเกลียดฉันเรื่องที่เคยเป็นกัปตันอเมริกาอยู่รึเปล่า?"

 

   ความหนักอึ้งตกลงมาบนบ่าของอดีตวินเทอร์โซลเจอร์ มือที่เคยแนบกับร่างตรงหน้าค่อยๆ เลื่อนลง บัคกี้พยายามสบมองดวงตาคู่นั้นแต่กลับก้มใบหน้าลงมองที่พื้น สิ่งที่เขาเคยกระทำมาเมื่อครั้งอดีตนั้นผิด ทำราวกับคนหวงของที่พยายามแย่งสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองคืนมา หากตัดเรื่องที่จอห์นต้องเสียเพื่อนรักในสนามรบไป จอห์นไม่ได้ผิดเลยที่ได้รับตำแหน่งกัปตันอเมริกา มันยังคงเป็นเรื่องที่วนเวียนอยู่ภายในใจตลอดเวลา เป็นความกลัวของบัคกี้ บาร์นส์ที่นำไปลงกับจอห์น วอล์คเกอร์ 

 

   เขาต้องการเป็นคนแบบที่สตีฟเคยบอก เขาแค่กลัวว่าสิ่งที่สตีฟเชื่อจะเป็นเพียงคำโกหกหลอกลวง ตอนนั้นเขาเป็นแค่คนที่ยึดติดคนหนึ่ง แต่เมื่อทุกอย่างไขกระจ่าง บัคกี้จึงต้องการชดเชยให้กับจอห์น เขาถึงเป็นฝ่ายเข้าหาเป็นคนแรก

 

"นายเป็นกัปตันอเมริกาอย่างเป็นทางการจอห์น เรื่องนั้นคือเรื่องจริง" สส.บาร์นส์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง "ฉันไม่เคยเกลียดนายเลย" แท้จริงแล้วกลับตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำซึ่งนั่นมันเริ่มจากตอนไหนก็ไม่ทราบ บัคกี้เพียงกล่าวในใจ 

 

   เสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาแต่ไกล เป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาเดินทาง บัคกี้หันมาพูดกับจอห์นอีกครั้ง "เราค่อยคุยกันต่อ" ก่อนจะเดินไปตามอีกสามคนที่อยู่ภายในอาคารให้เตรียมขึ้นเครื่อง

 

 

 

 

 

 

นครนิวยอร์ก 

 

   การต่อสู้จบลงแล้ว เช่นเดียวกับการต่อสู้ของบ๊อบและเดอะ วอยด์ มนุษย์คนหนึ่งที่ยอมเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่เคยได้รับ ตัดสินใจเลือกที่จะส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากใครสักคน เพียงแค่ต้องการกอด เพียงแค่ต้องการใครสักคนรับฟัง ดั่งที่บัคกี้ได้กล่าวบอกกับทีมว่าท้ายที่สุดเราล้วนหนีอดีตไม่พ้นแค่ต้องเลือกว่าจะจมอยู่ที่เดิมหรือทำอะไรสักอย่างกับมัน เขาคงสามารถกล่าวได้จากประสบการณ์โดยตรง หวังว่าทีมธันเดอร์โบลท์ หรือทีมอะไรก็ตามที่เขายอมร่วมสู้ด้วยกันตรงนี้จะเข้าใจ

 

   ท้ายที่สุดจะเป็นฮีโร่หรือไม่ ความโดดเดี่ยวก็สามารถกัดกินพวกเราได้อยู่ดี

 

"จอห์น" เจ้าของแขนไวเบรเนียมส่งเสียงดังเรียกนายทหารเจ้าของสามเหรียญเกียรติยศ ท่าทางเขาจะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องการพูดคุย ถึงแม้จะเป็นฝ่ายเรียกตัวแต่กลับยืนหลบอยู่มุมหนึ่งของตึกพร้อมกับจับเข็มขัดตัวเอง ขณะเดียวกับที่เจ้าของชื่อหันมองหาและก้าวเดินเข้าไปใกล้

 

"ดูเหมือนว่านายจะยังไม่ทิ้งสิ่งที่นายเป็น" บัคกี้ทิ้งช่วงไปสักครู่ มองตามคนหัวกระเซิงที่เดินเข้ามาหาแล้วจึงกล่าวต่อ "ขอบคุณ กัปตัน" ไม่อาจทราบได้ว่าบัคกี้กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ใดจึงแสดงออกอย่างนั้นแต่ที่แน่ๆ นี่ไม่ใช่การล้อเลียน

 

"ฉันไม่ได้เป็นกัปตันแล้ว หมายถึงทั้งคู่" ทั้งกัปตันแห่งกองทัพทหารสหรัฐและกัปตันอเมริกา

 

"ไม่มีใครลบสิ่งที่นายเป็นได้วอล์คเกอร์ แบทเทิลสตาร์จะต้องภูมิใจ" บัคกี้เคยกลอกตาให้กับชื่อฉายาของเลอมาร์ ฮอสกินส์แต่ครั้งนี้เขาต้องการกล่าวถึงอย่างให้เกียรติ 

 

   จอห์น วอล์คเกอร์คู่ควรกับสิ่งที่เขาเคยได้รับ บัคกี้เห็นอย่างแจ่มชัดตอนที่ได้มีโอกาสร่วมรบกันอีกครั้ง ครั้งแรกคือหลังจากที่จอห์นละทิ้งโทสะแห่งการล้างแค้นและเลือกช่วยเหลือประชาชน ส่วนครั้งนี้ชัดเจนขึ้นกว่าเก่า จอห์นเลือกปกป้องผู้คนโดยไม่ลังเล คอยระวังทั้งหน้าและหลังให้กับคนในทีมซึ่งหนึ่งในนั้นคือตัวบัคกี้เองที่เกือบโดนกระสุนนับสิบพุ่งเข้าใส่แต่ดันมีร่างสูงใหญ่กระโจนเข้ามากันให้โดยไม่ลังเล อีกทั้งแบกและหอบหิ้วเขาด้วยการตัดสินใจที่รวดเร็ว

 

   เจมส์ บาร์นส์ไม่นึกแปลกใจอีกต่อไปว่าทำไมบุรุษนามว่าจอห์น เอฟ. วอล์คเกอร์ผู้นี้จึงถูกยกย่องและได้รับเลือกมาเป็นกัปตันอเมริกา 

 

"ขอบใจ ฉันไม่รู้ว่าต้องพูดยังไงดี" สถานการณ์ตรงนี้ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลก เป็นความรู้สึกแปลกซึ่งปะปนด้วยความดีใจ เขาอาจดีใจที่ได้รับคำชื่นชมหรือไม่ก็เป็นเพราะบัคกี้ที่ยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น

 

"เรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีกจอห์น แต่หลังจากเรื่องที่เป็นข่าวและคนในสภาเห็นฉันออกมาลุยงานภาคสนามฉันอาจจะยุ่งไปอีกสักพัก ถ้าหากนายยังไม่มีภารกิจอะไร อยากไปอยู่บ้านฉันสักพักไหม?"

 

   คำเอ่ยชวนน่าประหลาดใจไม่แพ้กัน จอห์นแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน การถูกเชิญชวนให้ไปอยู่ใกล้ๆ แปลว่าสส.บาร์นส์คงมีเรื่องที่ต้องการพูดคุยอย่างเป็นส่วนตัวมากกว่าต้องการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้บัคกี้ต้องเข้าออกที่ประชุมไปสักพักหนึ่ง

 

"อยากสิ" เสียงตอบรับดังขึ้นโดยไม่ต้องคิด เพียงแต่การตอบรับเช่นนี้ล้วนมีข้อเหตุผลมาหักล้างเสมอ "หลังจากฉันจัดการกับวาเลนติน่าและทีมได้ไหม?" อย่างไรเสียจอห์นก็จำเป็นต้องสะสางเรื่องพวกนี้ให้แล้วเสร็จ ทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางไม่ต่างจากบัคกี้

 

"นายพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น"

 

 

 

 

 

สองสามเดือนต่อมา

 

"จอห์น ฉันหากุญแจห้องไม่เจอ" 

 

"เมื่อคืนฉันเห็นนายวางไว้ที่เดิม" จอห์นเดินออกจากห้องนอนด้วยสภาพหัวกระเซิง ยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงนอนเสียด้วยซ้ำไป สภาพแสนจะสบายสุดๆ ต่างจากบัคกี้ที่แต่งตัวเต็มยศสวมสูท เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องเข้าประชุมสภา

 

   เมื่อเห็นว่านายทหารร่วมห้องมีทีท่าจะหาของไม่เจอในเร็วๆ นี้ ผู้กองวอล์คเกอร์จึงเดินตรงไปยังถาดใส่ของที่มีทั้งบัตร กุญแจรถ กุญแจห้องรวมถึงพวกเศษเหรียญซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเขา หยิบนำกุญแจห้องชุดสำรองที่ใช้เป็นประจำเดินไปส่งให้บัคกี้แบบถึงมือ

 

"นายต้องมาวางไว้กับฉันแล้วบัคกี้ เอาชุดนี้ไปใช้ก่อน เดี๋ยวตอนจะออกบ้านฉันหาของนายแล้วเอาไปใช้แทน" เมื่อกล่าวจบจอห์นจึงโน้มตัวไปหาเพื่อกดริมฝีปากลงกับข้างแก้มคนตรงหน้า "เจอกันหลังเลิกงาน"

 

   สัมผัสที่ข้างแก้มทำให้เจมส์ บาร์นส์รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ยังไม่ชินกับกิจวัตรเหล่านี้เสียที ทั้งที่ตนเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ กระนั้นแล้วสีหน้าของคนในชุดสูทกลับยังคงไม่ได้แสดงอาการใดออกมามากนัก เขารับกุญแจสำรองมาเก็บใส่กระเป๋า สายตาเลื่อนขึ้นสบมองกับนัยน์ตาสีฟ้าตรงหน้าสักครู่ก่อนที่มือข้างขวาจะถูกยกขึ้นสัมผัสเรือนผมสีบลอนด์ที่ชี้โด่เด่สางให้เข้าทรง ตบท้ายด้วยการขยับไปจูบเบาๆ ข้างแก้ม เพียงแต่เมื่อผละออกมาบัคกี้กลับรีบเปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที

 

"เจอกันหลังเลิกงาน..." เขากล่าวด้วยประโยคเดียวกัน

 

   ถ้าหากใครอ่านความคิดของจอห์น วอล์คเกอร์ตอนนี้ได้คงได้ยินอยู่ไม่กี่คำ เพราะนอกจากเขาจะยิ้มตามหลังคนที่รีบหนีไปแล้วจอห์นยังคงคิดเสมอว่าบัคกี้เวลาเขินนั้นน่ารักมากทีเดียว ซึ่งเขาหวังว่าจะได้เห็นต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน

 

   ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาจะลงเอยกันอย่างที่เห็น

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

Bonus *

 

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่บัคกี้ บาร์นส์เลือกโทรหาแซม วิลสัน

 

 

"บัค นายชอบหมอนั่นเข้าแล้วเหรอ?" 

 

   เสียงของแซม วิลสันซึ่งดังมาจากปลายสายฟังคล้ายจะตื่นเต้นมากกว่าตั้งใจเค้นหาคำตอบ นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่บัคกี้กำลังปรึกษาตนเรื่องนี้

 

"ชอบแบบไหน?" บัคกี้ถามกลับอย่างไม่แน่ใจแต่แล้วประโยคของแซมกลับทำให้บัคกี้ต้องเริ่มสำรวจตัวเอง

 

"ถ้าไม่มีแบบอื่นนายก็ไม่ควรมีคำถามนั้น เหลือเชื่อเลยว่าพวกนายจะสนิทกันในเวลาสั้นๆ ฉันยังจำหน้าบึ้งของนายได้อยู่เลย ที่เคยบอกว่าไม่ชอบวอล์คเกอร์"

 

"ฉันใช้เวลาเป็นปีอยู่รอบๆ ตัวจอห์น ก็แค่ไม่อยากให้หมอนั่นจมปลักอยู่ที่เดิม" บัคกี้ขมวดคิ้วจนใบหน้ายุ่งเหมือนที่แซมเพิ่งกล่าว กลายเป็นทำหน้าบึ้งโดยไม่รู้ตัว

 

   แซมรับฟังอย่างตั้งใจและเข้าใจ บัคกี้คงเห็นตัวเองซ้อนทับกับอีกฝ่ายในช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ กระทั่งกลับมาพบสตีฟ โรเจอร์ส กระทั่งมีเขาอยู่ในช่วงเวลาเหล่านั้น แต่เท่าที่เขารับรู้ข้อมูลก็แอบนึกว่าบัคกี้ บาร์นส์ยอมเปิดใจให้ถึงเพียงนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง ฟังอย่างไรก็คล้ายคนกำลังแอบชอบแต่เหมือนเจ้าตัวจะยังไม่ทันรู้สึกซึ่งนั่นพอเข้าใจได้ ห่างหายจากเรื่องรักใคร่มานาน พอลืมตาตื่นอีกครั้งก็สับสน มีแต่สงครามการต่อสู้ การเอาชีวิตรอด ไม่มีเวลาได้หยุดพัก แถมอดีตอันหนักอึ้งคอยตามหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน ไม่มีเวลาได้คิดหรือรู้สึกอย่างอื่นแม้แต่น้อย

 

   ช่วงที่บัคกี้ได้พักเห็นจะมีครั้งที่อยู่วากานด้าและตอนที่ใช้เวลากับครอบครัวของแซมก่อนหน้านี้

 

"เอาเป็น..นายรู้สึกยังไงตอนอยู่กับจอห์น?"

 

   คำถามนั้นทำให้บัคกี้เงียบไปสักพักหนึ่ง นึกทบทวนทุกช่วงเวลาที่เคยใช้ร่วมกันหลังจากเขาเลือกจะก้าวเข้าไปอยู่ในชีวิตอีกคน มิอาจล่วงรู้ได้ว่าเมื่อใดที่เจตจำนงนั้นเปลี่ยนไป จากความต้องการที่จะช่วยเหลืออีกฝ่ายกลับกลายเป็นความต้องการอื่น เขาอยากเห็นจอห์นมีความสุข เพราะความสุขของจอห์นมันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้บัคกี้มีความสุขไปด้วย

 

   เขาคงหลงชอบจอห์น วอล์คเกอร์เข้าแล้ว

 

"เป็นหมาตัวโตที่ชอบหาเรื่องแหย่ฉัน" ตอนที่จอห์นเข้ามาหยอกล้อไม่เคยเลยที่บัคกี้จะรู้สึกรำคาญหรือกวนใจแม้จะแสดงสีหน้าบึ้งตึงเรียบเฉยใส่บ่อยๆ แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าน่ารักดีเหมือนกัน

 

"ห๊ะ?" 

 

   เครื่องหมายปรัศนีย์เด้งขึ้นมารอบๆ ใบหน้าของแซม แต่มีเพียง ‘ฮัวคีน ตอร์เรส’ เท่านั้นที่ได้เห็นใบหน้าฉงนควบด้วยเสียงที่เปล่งออกมาเสียดัง แซมไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรก่อนกลับกลายเป็นสับสนกับคำตอบของเพื่อนชาย

 

"ขอบใจแซม"

 

"เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนเลยบัค เฮ้ย!" 

 

   สิ้นสุดเสียงปลายสายหลงเหลือเพียงความสงสัยที่ถูกปล่อยให้กัปตันอเมริกาเคว้งคว้าง เขาหันไปมองฮัวคีนและไม่ได้กล่าวคำใดอีก

 

   สิ่งที่ทำได้คือการรอดูผลลัพธ์ที่เพื่อนของเขาได้เลือกตัดสินใจ

 

 

 


 

 

 

Bonus **

 

เหตุการณ์หลังจากจอห์นตัดสินใจมาพักอยู่กับบัคกี้ตามคำชวน

 

 

   เรื่องที่พวกเขาทั้งสองคนจำเป็นต้องสนทนากันอย่างจริงจังนั้นผ่านมาแล้ว ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะเปิดใจกันอย่างหมดเปลือก ทั้งปมลึกๆ ที่เคยติดค้างมาตั้งแต่ครั้งที่ต้องไล่ตามแฟลกสแมชเชอร์ รวมถึงข้อคำถามที่บัคกี้จำเป็นต้องได้รับคำตอบ

 

   ดร.คริสติน่า เรย์นอร์ถึงกับกุมขมับตอนที่เธอเห็นนายทหารสองคนนี้เข้าพบเธอพร้อมกัน แต่อีกนัยหนึ่งก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่ไม่ปล่อยให้อดีตเข้ามาเกาะกินความสัมพันธ์

 

"จอห์น ฉันคิดมาสักพักแล้วเรื่องฉันกับนาย"

 

   เจมส์ บาร์นส์โพล่งขึ้นมาขณะที่จอห์นกำลังเก็บของภายในห้องให้เข้าที่เข้าทาง เขามาพักอยู่ที่นี่ได้ราวๆ สองสัปดาห์แล้วหลังจากที่เหตุการณ์เดอะวอยด์จบลง

 

   หากไม่มีอะไรผิดพลาดคงได้ย้ายเข้าทาวเวอร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

"เรื่องฉันกับนายทำไมนะ?" จอห์นถามขึ้นด้วยความฉงน สิ่งที่จ่าบาร์นส์กำลังกล่าวถึงคือเรื่องใด ภายในความคิดของอดีตกัปตันอเมริกาดูคล้ายจะมีแต่เรื่องภารกิจ

 

"นายจะให้โอกาสฉันได้รึเปล่า?"

 

"ได้" จอห์นหลุดตอบก่อนจะได้ประมวลผลเสียอีก ใบหน้าที่มีหนวดเคราสีอ่อนหันไปหาเจ้าของห้องที่กำลังเดินเข้าใกล้ เมื่อพินิจดูกลับสังเกตเห็นสีหน้าที่ผ่อนคลายและรอยยิ้มเล็กๆ จากบัคกี้ บาร์นส์

 

   เจมส์ 'บูคานาน' บาร์นส์ เหมาะกับรอยยิ้มอย่างไม่น่าเชื่อ เขาหวังว่าจะได้เห็นอีกบ่อยๆ

 

"ได้" บัคกี้ทวนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่ถูกปลดปล่อยมาตามอารมณ์ ราวกับถูกยกเอาภูเขาออกจากอก สบายใจขึ้นกว่าเก่าที่ได้ตัดสินใจกล่าวออกไปแต่แล้วกลับฉุกนึกขึ้นมาจนต้องถาม

 

"เราหมายถึงอย่างเดียวกันรึเปล่า?"

 

"ฟังแล้วเหมือนมีเรื่องอื่น..." วินาทีนั้นจอห์นทราบได้ทันมีว่าสิ่งที่บัคกี้กำลังขอมิได้เกี่ยวข้องกับภารกิจการทำงานแต่อย่างใด "นายหมายถึงเรื่องไหน?"

 

"เดต.. นายจะให้โอกาสฉันสำหรับเรื่องเดตหรือเปล่า?" คราวนี้บัคกี้กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำเพื่อไม่ให้การสื่อสารผิดเพี้ยนไปจากเดิม เขาเห็นสีหน้าของจอห์นแล้วตอนที่ตอบรับกลับมา คล้ายว่าอีกคนจะไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลยสักนิดซึ่งดูจะเป็นอย่างที่คาดเพราะเมื่อคำขอถูกเฉลยอย่างตรงไปตรงมาใบหน้าของจอห์น วอล์คเกอร์มีแต่ความประหลาดใจราวกับมีเสียง Wow? ดังตามมา แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มของนายทหารกลับเข้ามาแทนที่

 

"นายอยากเดตกับฉันเหรอบัคกี้?"

 

   รอยยิ้มแสนร่าเริงน่าหมั่นไส้จนเจ้าของชื่อต้องการทุบสักทีถึงจะทราบแก่ใจดีว่าจอห์นไม่ได้ตั้งใจล้อเลียนแต่สีหน้าท่าทางของเจ้าหมาตัวโตตรงหน้านี้กลับทำให้รู้สึกเขินขึ้นมา

 

   จ่าบาร์นส์ไม่ได้นึกว่าคนที่อายุร้อยกว่าปีซึ่งผ่านเรื่องราวมามากมายเช่นตนจะรู้สึกอย่างนี้ได้อีก

 

"ไม่อยากแล้ว" กลับกลายเป็นหน้าบูดบึ้งกลบเกลื่อนพร้อมกับการใช้มือดันผลักไหล่ของอดีตกัปตันแห่งกองทัพสหรัฐแต่กลับถูกคว้าหมับในทันที

 

   จอห์นไม่เคยเกลียดบัคกี้ แท้จริงเขาชื่นชอบบัคกี้ บาร์นส์มาตั้งแต่แรกแม้ว่าความชอบนั้นจะแตกต่างจากความรู้สึกในตอนนี้ก็ตาม

 

"แต่ฉันอยากนะ ไว้เราไปเดตกัน"

 

"......."

 

   บัคกี้ บาร์นส์ไม่ได้กล่าวคำใดอีก นอกจากการใช้หลังนิ้วมือไวเบรเนียมเคาะไปที่หน้าผากของจอห์นเบาๆ

 

   หากตอนนี้ใครจะทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้นมาได้จริงๆ คงหนีไม่พ้นจอห์น เอฟ. วอล์คเกอร์

 

 

 

More about Captain in Marvel comics

(1) The Storm

(2) Dream

(3) Rumination

(4) Silence 

(5) Surfboard

 

PS. For native English, I will post on AO3 soon.