Work Text:
ลูเน่ขมวดหัวคิ้ว หลังจากปล่อยให้ความฟุ้งซ่านครอบงำกระทั่งได้คำตอบเป็นคำถามที่ผุดเข้ามาอย่างฉับพลัน แต่มันเป็นคำถามที่ไม่ว่าจะเปิดอ่านจากตำราไหน นักปราชญ์สาวก็ไม่มีทางเข้าใจได้ถ่องแท้
พยายามเค้นความทรงจำเวลาได้ยินเพื่อนร่วมวิทยาลัยมาระบายปัญหาหัวใจทั้งด้านดีด้านร้ายให้ฟัง แต่สิ่งที่พวกเขาบอกมาไม่ได้ช่วยให้ลูเน่เห็นภาพชัดขึ้นแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งตัวเธอเองก็เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรขนาดนั้นด้วย
สิ่งเดียวที่สำคัญและพึงกระทำคือการปราบจิตรกรหญิงนั่น
แต่เมื่อลูเน่ได้ออกมาเผชิญโลกภายนอกแล้วจริง ๆ สมาชิกที่ร่อยหรอจนเหลือเพียงสามที่เป็นผู้คนที่เธอรู้จักตั้งแต่ยังอยู่ในลูมิแอร์ การระลึกถึงผู้คนที่จากไปจึงพานให้หญิงสาวนึกเรื่องครั้งวันวานขึ้นมาได้ และสำหรับค่ำคืนนี้ก็คือประเด็นนี้
ลูเน่หันไปทางมาเอล เด็กสาววัย 16 ที่หลับใหลในอ้อมกอดของเอสกีเย่ มาร์ชเมลโลว์นุ่มนิ่มบิ๊กเบิ้มนั่นเป็นที่พึ่งทางจิตใจได้เป็นอย่างดี เอสกีเย่ยังช่วยดูแลมาเอลให้ขณะผู้ใหญ่สองคนกำลังยุ่ง ลูเน่ขอบคุณเขาในส่วนนั้น
และ...ถ้าเอาเรื่องนี้ไปถามมาเอลคงพิลึกน่าดู
ฉะนั้นลูเน่จึงหันไปอีกทาง
ซีเอลอยู่ตรงนั้น บริเวณขอบผาที่ประจำซึ่งหล่อนชอบไปนั่งหรือนอนดูดาว คืนนี้หล่อนนั่งห้อยขาลงไปเบื้องล่าง ใบหน้าเชิดขึ้นท้องฟ้า กวาดสายตามองกลุ่มดาวระยิบระยับข้างบนนั้น
ลูเน่ตัดสินใจลุกขึ้นไปหา
สาวผิวแทนยังสนใจแต่ท้องฟ้า ขณะที่พระจันทร์กำลังทิ้งตัวลงข้าง ๆ แม้จะทำใจรวมความกล้ามาบ้างแล้ว แต่พอได้นั่งข้างอีกคนเข้าจริง ลูเน่ดันเกิดอาการน้ำท่วมปากขึ้นมา
“ถามได้นะ ฉันฟังอยู่”
เสียงหวานกล่าวให้กัน ลูเน่ผินหน้าไปมองคนข้าง ๆ ที่บอกให้เธอพูดสิ่งที่อมพะนำไว้ นักปราชญ์สาวจึงสูดหายใจ
“คือว่า...”
“อือฮึ”
แต่พอเห็นว่าลูเน่ยังไม่ยอมปริปากต่อสักที ซีเอลจึงลดใบหน้าลงมามองอีกคนซึ่งนั่งอยู่ทางขวามือของตัวเอง
“ฉัน...ฉันแค่สงสัยน่ะ คือมัน ฉัน...เข้าใจถ้าเธอจะรู้สึกว่ามันแปลกที่คนอย่างฉันดันสงสัยเรื่องนี้ แต่...มันแบบว่า”
ซีเอลหัวเราะขัดขึ้นมานั่นทำให้ลูเน่เผลอขบริมฝีปากตัวเอง นักปราชญ์สาวหลับตาลง นึกอายที่ตัวเองดันเกิดอาการเลิ่กลั่กขึ้นมาดื้อ ๆ
“ใจเย็น ๆ ลูเน่ ค่อย ๆ พูด ฉันไม่ล้อเธอหรอก”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ลูเน่สังเกตได้จากแววตาของซีเอล นัยน์สะท้อนมันฟ้องชัดทีเดียวว่าหล่อนคงเตรียมจะล้อกันในอีกไม่ช้า
ทว่าความสงสัยมันเอาชนะทุกสิ่งอย่าง
“ฉันแค่อยากรู้...ว่าตอนจูบมันรู้สึกยังไงเหรอ”
เสียงลมพัดปะทะใบหูจนต่างคนต่างไม่แน่ใจว่าลมพัดแรงจนไม่ได้ยินคำของอีกฝ่าย หรือเพราะประโยคคำถามของลูเน่มันน่าตกใจเกินกว่าจะเอ่ยคำใดออกมากันแน่
ซีเอลที่เห็นว่าลูเน่อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นจึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็...เดี๋ยวนะ เอาจริงดิ?”
“ม...หมายความว่าไง”
ลูเน่เผลอขยับถอยห่างนิดหน่อย ส่วนซีเอลโน้มเข้าไปใกล้พร้อมแววตาวิบวับ “อย่าบอกนะว่าเธอโสดมาตลอดเลยน่ะ?”
คนฟังถึงกับสะบัดหน้าหนีพอได้ยินคำถามนั้น เพราะการทักของซีเอลดันไปสะกิดความทรงจำที่ลูเน่เองก็เกือบจะลืมไปแล้วให้หวนกลับคืนมาอีกรอบ
“นี่ ฉันไม่ได้จะล้อเธอหรอก 12 ปีมันก็นานพอให้คนเราลืมนั่นลืมนี่ไปบ้าง ฉันเข้าใจ”
นักปราชญ์สาวรู้สึกถึงอุณหภูมิอุ่นบนพวงแก้มและมันกำลังลุกลามไปทั่วใบหน้า พอกะพริบตา ภาพของค่ำคืนในปีเสาศิลาที่ 46 ก็เริ่มย้อนกลับมาทีละนิด
“ว่าไงดีล่ะ...ตอนจูบกันมันก็จะรู้สึกตัวเบา ๆ นิ่ม ๆ ตรงท้องจะรู้สึกโหวงนิดหน่อย เธอคงเคยเห็นใช่ไหมที่เขาว่าเหมือนมีผีเสื้อบินในท้อง ความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นน่ะ ถ้าเกิดได้กอดกันด้วยมันก็จะรู้สึกว่าเราได้แนบชิดกับอีกฝ่ายด้วย มันก็รู้สึกดีอยู่นะ แค่ต้องคุมลมหายใจหน่อย เธอพอจะนึกออกบ้างหรือยัง”
ซีเอลหันไปหาลูเน่ที่หันกลับมามองเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจทราบได้ สาวผิวแทนมองนักปราชญ์ผู้ครองรอยสักบนใบหน้า เมื่อสบเข้ากับดวงตาสีราตรี เธอก็เห็นภาพสะท้อนของตัวเองอยู่ในนั้น
แต่สิ่งที่ซีเอลไม่ได้คาดคิด หรือคาดหวัง คือการที่ลูเน่ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ใกล้จนได้ยินแม้ว่านักปราชญ์จะกระซิบแผ่วให้กลีบปากของเราเฉียดกันไปมา
“ถ้าฉันจะ...ขอ”
ลูเน่มองตาสีเฮเซล กระทั่งมันถูกปิดด้วยเปลือกตาของซีเอล หญิงสาวผมเข้มเกิดความลังเลแทรกเข้ามาเพียงนิด
สุดท้ายก็ขยับใบหน้าเข้าไปเพื่อกดริมฝีปากให้แนบชิดกับอีกคน
ปากของเราแค่แตะกัน ถึงอย่างนั้นลูเน่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่ม จูบที่เป็นเพียงการกดปากให้แนบสนิท ทว่าทำให้หัวใจดวงน้อยในอกเต้นดังโครมคราม
ลูเน่ไม่รู้ว่าจูบนี้นานแค่ไหน เพราะเธอละใบหน้าออกมา เพื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำของซีเอล
“แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ”
สิ้นคำ ท้ายทอยของนักปราชญ์ถูกท้องฟ้าสีน้ำผึ้งโอบไว้ด้วยมือซ้าย แล้วซีเอลก็ขยับใบหน้าขึ้นไปเพื่อป้อนจูบให้พระจันทร์ที่ยังตั้งตัวไม่ได้อีกครั้ง
จูบรอบนี้มันต่างกันออกไป
มือซ้ายของซีเอลล็อกท้ายทอย ขณะที่มือขวาประคองช่วงกรามของลูเน่ไว้ กลีบปากของหญิงสาวบดเบียดลงมาทั้งยังขยับดูด กลืนริมฝีปากของลูเน่ที่ยังรับจังหวะไม่ทัน คนตัวสูงกว่ายังลืมตาโพลง แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นนุ่มที่แตะย้ำตรงกลีบปากล่าง ลูเน่จึงเผยออ้าปากเพื่อปล่อยให้ซีเอลแทรกลิ้นเข้าไปตามใจ
จากสันกรามถูกเลื่อนลงมาสัมผัสกลางอก ซีเอลคล้ายจะเคล้นคลึงอกนุ่มของลูเน่เมื่อมือของหล่อนรับกับทรวดทรงอย่างพอดี ในตอนที่หลับตา นักปราชญ์เห็นเพียงภาพสีขาว
ตอนจูบกันมันจะรู้สึกตัวเบา ๆ นิ่ม ๆ
ลูเน่สาบานว่าแม้จะไร้ซึ่งเวทมนตร์ แต่ร่างกายกำลังเบาหวิวเสียจนแอบกังวลว่าเธอจะพาซีเอลลอยล่องไปจนถึงเสาศิลาไกลโพ้นนั่น
ปากที่ซีเอลเบียดบดและกำลังดูดกลืนอยู่ก็เช่นกัน
สาวผิวแทนผละใบหน้าออกมารับอากาศหายใจ น่าแปลกที่ลูเน่เป็นฝ่ายกดจูบลงไปเป็นหนที่สาม
ที่เขาว่าเหมือนมีผีเสื้อบินในท้อง ความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นน่ะ
ต้องใช้ผีเสื้อกี่ฝูงจึงจะบรรยายความรู้สึกของลูเน่ในตอนนี้ได้
สองแขนของซีเอลสอดเข้ามาเพื่อสวมกอดให้เราสองแนบชิดกันกว่านี้ ใบหน้าเอนเอียงปรับองศาขณะแลกกลีบปากนุ่ม สองมือของซีเอลลูบไล้กลางแผ่นหลัง ปลายนิ้วเย็นของอีกคนสร้างความวาบหวามให้นักปราชญ์จนต้องดูดปากซีเอลแรงกว่านี้
มือที่เคยสะเปะสะปะคว้ามือซ้ายของซีเอลเอาไว้จนได้ ส่วนแขนที่ประดับรอยสักสีทองอร่ามถูกนำไปกอดประคองร่างแบบบางของสาวผิวแทนไว้ ลูเน่ประสานมือกับซีเอลเมื่อเธอตวัดลิ้นสู้ใส่ซีเอล หยาดน้ำหลั่งไหลจากมุมปากถึงปลายคางแต่ยังไม่มีใครยอมละใบหน้าออกมาก่อน
รสจูบดูจะรุนแรงขึ้นทุกที เพราะลูเน่เริ่มบิดเร้าช่วงล่างที่เกิดการกระตุกตุบทั้งเรือนร่างเริ่มโถมน้ำหนักใส่อีกคนจนแผ่นหลังซีเอลจวนจะแนบลงกับพื้น มือขวาของซีเอลที่ยังว่างจึงถือโอกาสสอดผ่านกลุ่มผมแล้วส่งแรงขยุ้มเบา ๆ ให้พอเคลิ้ม และทันทีที่ซีเอลเป็นฝ่ายนอนราบ ลูเน่ก็ผละใบหน้าขึ้นมามอง
แสงจันทร์สะท้อนไม่ชัดเจนนัก แต่ลูเน่เห็นซีเอลนอนหอบในอ้อมกอดของเธอ มือของหล่อนยังขยุ้มกลุ่มผมลูเน่เบา ๆ เราต่างหอบหายใจแม้ช่วงปากยังถูกเชื่อมด้วยน้ำสีใส ตอนนั้นเองที่อุณหภูมิบนใบหน้าของลูเน่ร้อนผ่าวคล้ายจะมอดไหม้ แรงกระชับจากมือของซีเอลเรียกสติของนักปราชญ์ไว้ แล้วคนเบื้องล่างก็เลื่อนมือมาแตะตรงหัวใจ
“ใจเต้นแรงเชียว”
พอถูกแซวก็เขินอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ลูเน่ผุดลุกแต่ไม่ทันได้ไปไหนเพราะโดนซีเอลรั้งร่างกายเอาไว้ให้ลงมานอนทาบทับ มือกร้านของอดีตชาวไร่ลูบผมดำสนิทด้วยความอ่อนโยน
“ประมาณนี้แหละ ความรู้สึกตอนจูบกันน่ะ”
สุดท้ายนักปราชญ์ได้แต่ร้องฮือก่อนฝังใบหน้าลงบนเสื้อของซีเอล สาวผิวแทนยกยิ้มบาง ๆ แล้วปล่อยให้ลูเน่ผ่อนคลายอาการขวยเขิน ก้อนเนื้อในอกคนด้านบนยังเต้นอย่างบ้าคลั่งจนซีเอลรู้สึกได้ ฉะนั้นเธอจึงคอยลูบปลอบประโลมอีกฝ่ายต่อไป แม้จะนึกเอ็นดูอยู่ในใจเพราะอีกคนยังตอบสนองด้วยปฏิกิริยาเหมือนกับครั้งแรกที่พวกเธอจูบกัน
